เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรี หากมีปัญหาในเรื่องของตัวบุคคลจะกระทบต่อการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ ว่าขอให้ถึงวันนั้นก่อน ตอนนี้ขอให้แต่ละขั้นตอนเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น เรารอการรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ หากรับรองอย่างเป็นทางการเมื่อใด ก็จะมีขั้นตอนการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร มันจะเดินไป ไม่มีทางตัน ทุกอย่างเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทย จะพิจารณาเสนอรายชื่อนายกฯ แข่งหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ดูก่อนว่ามี ส.ส. กี่คน รับรองเป็นทางการกี่คน ส่วนมีใครในใจที่จะโหวตเป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ถ้ามีในใจแล้วจะมาบอกสื่อมวลชนทำไม

เมื่อถามต่อว่ามองดูสถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายหรือไม่ เพราะมีการงัดข้อกฎหมายต่างๆ มาเป็นประเด็นกันในขณะนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ยัง เพราะแต่ละพรรคต้องดำเนินการไปตามแนวทางของพรรคตัวเอง พรรคภูมิใจไทยดี เราไม่ค่อยไปยุ่งกับพรรคคนอื่น ทุกอย่างก็ได้ทำตามที่แจ้งกับประชาชนไว้ ยืนยันว่า พรรคที่ 1 ควรจะเป็นผู้ที่ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลไป และพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคลำดับที่ 3 ก็ต้องไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหาหรืออุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มากกว่าเรา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าระหว่างนี้ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยบ้างหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุยเลย และตนไม่ได้คุยกับใครเลย เขาไม่ได้คุยกับเรา ต่างคนต่างอยู่ตอนนี้

เมื่อถามว่าแต่มีพรายกระซิบว่าจะมีการเปลี่ยนสูตรในการจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน ถามกลับว่า แล้วพรายเห็นหรือเปล่า แต่มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวหนึ่ง เดินทางไปพร้อมกับตนที่ประเทศอังกฤษ ก็เห็นว่าตนไม่ได้มีการพูดคุยดีลลับอะไร นอกจากการทักทายตามปกติและตามมารยาท ฉะนั้นเราต้องดูหลักความเป็นจริงด้วยว่าวันนี้จะเป็นไปได้อย่างไร ที่จะโทรศัพท์ไปหาคนโน้นคนนี้ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้มาเป็นพรรคในลำดับที่ 1 ต้องรอทุกอย่างให้มันดำเนินไปว่า สถานการณ์จะแบบนี้ไปตลอด ราบเรียบไปถึงขั้นตอนการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ถ้าเป็นเรา ก็อย่าไปเป็นอุปสรรคให้เขา เพราะประเทศมันควรจะมีรัฐบาลต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะสถานการณ์มันยังไม่ยืดเยื้ออะไร ทุกอย่างยังคงเดินหน้าไป

เมื่อถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการรวบรวมรายชื่อ เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติคนที่จะมาเป็น ส.ส. ตามมาตรา 82 ภายหลังจากที่ กกต. มีการรับรอง นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลักฐาน และข้อกล่าวหาต่างๆ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็ดูแลในส่วนของเรา แต่ถ้าหากใครทำผิดกฎหมายโจ๋งครึ่มจนก่อความเดือดร้อนต่อสาธารณะ เราจะต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามอีกว่าเป็นห่วงกองเชียร์ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ควรใช้เหตุใช้ผลและคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ มันจะไม่กระทบเฉพาะคนที่อยู่แต่ในสภา แต่มันจะกระทบกับระบบเศรษฐกิจ การจ้างงาน การลงทุน การท่องเที่ยว รวมไปถึงสาธารณประโยชน์ต่างๆ

เมื่อถามถึงกรณีมีการเผยแพร่เอกสารที่เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าผู้ชนะการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตใดบ้าง ที่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ซึ่งพบว่าพรรคภูมิใจไทยมีจำนวนมากที่สุดถึง 23 คน จะมีการตรวจสอบในส่วนของพรรคหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การที่มีชื่อ 23 คน ก็อยู่ที่ว่ามีใครร้องเรียนหรือไม่ พรรคไม่ได้ไปร้องเรียนใคร ถ้าเราไปร้องเรียนจะยิ่งเสียเวลามากขึ้น

เมื่อถามอีกว่า ในส่วนของพรรค ภท. จะมีการดูแลอย่างไรบ้าง หรือให้ต่างคนต่างไปดูแลกันเอง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขามาหารือในเรื่องข้อกฎหมาย หรือให้เตรียมหลักฐานต่างๆ ที่จะต้องไปยันกับข้อกล่าวหา ทางพรรคมีฝ่ายกฎหมายที่จะต้องคอยประสานงานและให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับผู้สมัครไปแก้ข้อกล่าวหา.