เรือดำน้ำไททันซึ่งสูญหายไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 5 คน ระหว่างการดำลงไปชมซากเรือไททานิกที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ “เรือ” แต่เป็นเพียง “ยานสำรวจ” ทางทะเล เนื่องจากมันไม่สามารถออกตัวและแล่นกลับเทียบท่าได้เหมือนเรือดำน้ำมาตรฐาน อีกทั้งยังต้องอาศัยเรือพี่เลี้ยงที่ลอยลำอยู่บนผิวน้ำคอยให้ความช่วยเหลือทั้งการนำลงน้ำและดึงขึ้นจากจุดดำ เมื่อการเดินทางสิ้นสุด

นอกจากนี้ เรือพี่เลี้ยงยังมีหน้าที่คอยนำทางให้เรือไททันด้วย เนื่องจากไม่สามารถใช้ระบบจีพีเอสได้เมื่อลงไปใต้ทะเลที่ลึกมาก ๆ ซึ่งซากเรือไททานิกนั้นอยู่ต่ำลงไปใต้ทะเลราว 3,800 เมตร

วิธีการนำทางก็คือ เรือพี่เลี้ยงจะส่งข้อความบอกข้อมูลทิศทางไปยังผู้บังคับเรือไททัน ซึ่งใช้อุปกรณ์บังคับที่มีลักษณะเหมือนอุปกรณ์เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ควบคุมทิศทางของเรือ

ไมค์ รีส นักเขียนบทและโปรดิวเซอร์ของแอนิเมชันยอดนิยมเรื่อง ‘เดอะ ซิมป์สัน’ เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินทางไปชมซากเรือไททานิกด้วยยานดำน้ำของบริษัทโอเชียนเกตเมื่อปีที่แล้ว เขาเล่าว่าเคยลงดำน้ำกับบริษัทนี้มาแล้ว 4 รอบ โดยหนึ่งในนั้นเป็นการดำลงไปดูซากเรือไททานิก ส่วนรอบอื่น ๆ เป็นการลงดำน้ำแถบนอกกรุงนิวยอร์ก

ไมค์ รีส โปรดิวเซอร์แอนิเมชันชื่อดัง เล่าประสบการณ์ร่วมทริปกับเรือดำน้ำไททัน

รีส เล่าว่าระหว่างที่ลงไปกับเรือดำน้ำนั้น เขาเห็นการสื่อสารที่ติดขัดตลอดเวลา และดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้การติดต่อจะขลุกขลัก แต่ก็ไม่ได้ขาดหายไปจริง ๆ

หลังจากเกิดเหตุเรือดำน้ำไททันสูญหาย ก็เริ่มมีการเปิดเผยตลอดจนวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาเรื่องความปลอดภัยของเรือดำน้ำขนาด 6.5 เมตรลำนี้ 

รีส กล่าวว่าเขารู้ดีว่าเขาอาจเสียชีวิตจากการลงดำน้ำกับเรือไททัน และเขาก็เซ็นสัญญาที่ระบุว่าจะไม่เอาผิดบริษัทเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นทุกครั้งที่ลงดำน้ำ นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่า ไม่เคยรู้สึกว่าบริษัทโอเชียนเกตกระทำการโดยประมาทเลยแม้แต่น้อย พวกเขาทำทุกขั้นตอนอย่างจริงจังมาก

รีส เล่าถึงครั้งหนึ่งที่เขาลงดำน้ำไปกับเรือไททันแล้วปรากฏว่าการสื่อสารขาดหาย ซึ่งก็มีการนำเรือขึ้นสู่ผิวน้ำในทันที ในทริปนั้น เขาลงดำน้ำไปเพื่อดูซากเรืออูหรือเรือดำน้ำยุคสงครามโลกของเยอรมนีที่จมอยู่นอกชายฝั่งของนิวยอร์ก และได้เห็นซากเรือเพียงวินาทีเดียว จากนั้นทีมงานก็บอกว่าจะต้องรีบกลับขึ้นไปและพวกเขาไม่ควรลงมาอยู่ตรงจุดนั้น

รีส ยังเล่าในเวลาต่อมาว่า เขารู้สึกว่าการเดินทางไปใต้ทะเลกับโอเชียนเกตนั้น “สะดวกสบายมาก” แม้ว่าเรือจะมีขนาดเล็กมาก พร้อมกับเสริมว่าเขาถึงกับเคยง่วงหลับไประหว่างการดำลงไปถึงจุดที่ซากเรือไททานิกจมอยู่

เขาบรรยายการดำดิ่งลงไปที่ความลึก 3,800 เมตรว่า “คุณก็แค่จมดิ่งลงไปเหมือนหินก้อนหนึ่งโดยใช้เวลา 2 ชม. ครึ่ง” 

อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นว่าเข็มทิศในเรือทำงานเพี้ยนมาก ต่อมาก็พบว่าเขาและเพื่อนผู้โดยสารด้วยกันไปอยู่ห่างจากเส้นทางที่กำหนดไว้ราว 500 หลา (ประมาณ 457 เมตร) หลังจากที่ปะทะเข้ากับกระแสน้ำใต้ทะเล

ในการสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งของเขากับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รีส บอกว่าตอนที่กำลังจะลงเรือ เขาก็กลัวเหมือนกันว่าเขาอาจจะตายในทริปนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ก็สำนึกอยู่เสมอว่านี่อาจเป็นจุดจบของเขาได้ด้วย

“ผมจูบลาภรรยาโดยคิดว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้าเธอ” เขาเสริม “ไม่มีใครเดินเข้าไปในสิ่งนี้ (เรือไททัน) โดยคิดว่ามันจะเป็นการเดินเรือที่แสนรื่นรมย์ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเกี่ยวข้องหลายคน” 

เรือหรือยานดำน้ำไททันซึ่งนำผู้โดยสารและลูกเรือ 5 คน รวมถึง ริชาร์ด สต็อกตัน รัช ซีอีโอของโอเชียนเกต ขาดการติดต่อกับยังเรือพี่เลี้ยงหลังจากดำลงใต้ทะเลสู่ตำแหน่งของซากเรือไททานิกเพียงไม่ถึง 2 ชม. เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2566 ทีมกู้ภัยกำลังเร่งมือแข่งกับเวลา เนื่องจากปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือปริมาณออกซิเจนในเรือไททันที่น้อยลงเรื่อย ๆ และคาดว่าจะหมดลงภายในวันนี้ (22 มิ.ย. 2566) 

แหล่งข่าว : insider.com

เครดิตภาพ : AFP