เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ได้เชิญผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุมแล้ว  ปรากฎว่าสมาชิกได้แสดงความคิดเห็นในญัตติที่นายสาธิต ปิตุเตชะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้เสนอ คือ ขอใช้เสียง  3 ใน 5 ของที่ประชุม งดเว้นข้อบังคับพรรคที่ 87  ในสัดส่วนส.ส. 70 เปอร์เซ็นต์ และสมาชิกอื่นๆ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงนานกว่า 2 ชั่วโมง  จากนั้นนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบกรุงเทพฯ เสนอญัตติว่า ขอใช้เสียง 3 ใน5 ขององค์ประชุมเท่าที่มีอยู่ เพื่องดเว้นข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าเมื่อหัวหน้าพรรคลาออก ให้เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่ ภายใน 60 วัน 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีการตกลงกันว่าหากญัตติของนายองอาจผ่านได้รับเสียงสนับสนุนเพียง พอญัตติของนายสาธิต ก็ไม่จำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีก เพราะจะทำให้การเลือกหัวหน้าพรรคต้องเลื่อนออกไป 

จากนั้นเวลา 13.10 น. ผลปรากฎว่าที่ประชุมลงคะแนนสนับสนุนเพียง 151 คะแนน เท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน5 ขององค์ประชุมเท่าที่มีอยู่  ต่อมาที่ประชุมได้ดำเนินการลงมติในญัตติของนายสาธิต ที่ให้งดเว้นข้อบังคับที่ 87 ซึ่งผลปรากฎว่าที่ประชุมลงคะแนนสนับสนุน 147 คะแนน เท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน5 ขององค์ประชุมเท่าที่มีอยู่เช่นกัน ต่อมาเวลา 13.35 น. ได้สั่งพักการประชุม เพื่อให้สมาชิกรับประทานอาหารกลางวัน

ด้านนายองอาจ เปิดเผยภายหลังลงมติว่า สาเหตุที่เสนอญัตติดังกล่าว เนื่องจากตนเห็นว่าการประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าสมาชิกมีการถกเถียงกันมาก และมีการกระทบกระทั่งกันตลอด หากยังให้ดำเนินการต่อไป อาจก่อให้เกิดผลกระทบภายในพรรค เพราะจะมีคนแพ้คนชนะ แต่ถ้ามีโอกาสยืดเวลาออกไปเพื่อให้ได้พูดคุยกันก่อน เราก็จะร่วมกันชนะคนอื่น

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าสมาชิกพรรคบางส่วนอยากให้ชะลอการเลือกหัวหน้าพรรคออกไปเพื่อรอลุ้นโอกาสที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล หากผลสรุปพรรคเป็นฝ่ายค้านก็จะยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายอภิสิทธิ์ไปบริหารจัดการปฏิรูปพรรค นายองอาจ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดถึงเรื่องรอเป็นรัฐบาล แค่อยากให้พวกเรามีโอกาสพูดคุยให้ตกผลึกมากกว่าเพื่อจะจะได้ร่วมมือกันให้ได้มากที่สุด.