จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร บนทางเลื่อนท่าอากาศยานดอนเมือง ส่งผลให้ผู้โดยสารหญิง ซึ่งกำลังจะเดินทางไปยังจ.นครศรีธรรมราช โดนบันไดเลื่อนดูด ทำให้หัวเข่าจนขาซ้ายขาด เจ้าหน้าที่ได้นำผู้บาดเจ็บส่งรักษา รพ.ภูมิพล นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ลูกชายของผู้บาดเจ็บได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 4 – การท่าฯเข้าชี้แจงสาเหตุกับทางคุณแม่

สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้เป็นวันที่ 26 หลังจากที่คุณแม่ประสบภัยที่สนามบินดอนเมือง

  • อาการทางกายภาพของคุณแม่ฟื้นฟูได้ดีอย่างต่อเนื่องในหลายๆ วันที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีอาการอักเสบบ้างเป็นระยะๆ แต่โดยรวมถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี และอาจจะสามารถเริ่มเข้าสู่กระบวนการพัฒนาและใส่ขาเทียมได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ตามการประเมินของแพทย์
  • สภาพจิตใจ เนื่องจากไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณแม่ลื่นล้มในห้องน้ำ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย แต่มีผลกระทบต่อจิตใจของคุณแม่เป็นอย่างมาก
  • หลายวันที่ผ่านมาหากท่านใดที่ได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมคุณแม่จะเห็นว่าท่านมีกำลังใจที่ดี พูดคุย เฮฮา สนุกสนาน ประหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
  • แต่หลังจากที่ลื่นล้มคุณแม่ก็ได้พบกับความเป็นจริงว่าร่างกายของคุณแม่ไม่ได้แข็งแรงครบถ้วนเหมือนแต่ก่อน และคงจะต้องล้มอีกไม่รู้กี่ครั้งหลังจากนี้
  • คุณแม่นอนซม ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรไปหนึ่งวันเต็มๆ
  • แต่วันนี้ คุณแม่ก็ลุกขึ้นกลับมาสู้ด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ผมภูมิใจที่ได้เห็นกำลังใจคุณแม่ มันทำให้ผมมั่นใจครับ ว่าไม่ว่าคุณแม่จะล้มอีกกี่ครั้งตาม คุณแม่และครอบครัวจะต้องลุกขึ้นมาได้อย่างแข็งแรงแน่นอน

นอกจากนี้วันนี้ทางการท่าฯ นำโดยท่านกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เข้าเยี่ยมอาการคุณแม่พร้อมกับตัวแทนเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันของทางการท่าฯ

  • นอกจากการเยี่ยมคุณแม่ ท่านกอญ. ได้ชี้แจงถึงต้นตอของสาเหตุที่เกิด และแจ้งให้ทราบว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (26 กรกฎาคม 2566)
  • ผมได้ขอคำแนะนำจากท่านในเรื่องการเจรจาค่าเยียวยา เนื่องจากเป็นเรื่องที่ใหม่และผมเองไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะประเมินเป็นตัวเลข ผมจึงขอทำการตกลงกับทุกฝ่ายบนหลักการดังต่อไปนี้
  1. การเยียวยาชดเชยในส่วนค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความเสียหายสืบเนื่องจากเหตุการณ์นี้ อย่างเต็มที่และเหมาะสม ประหนึ่งเป็นการรักษาเยียวยาคนในครอบครัวของพวกท่านเอง
  2. การเยียวยาชดเชยเพื่อให้คุณแม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงดังเดิมก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด ทั้งกิจกรรมปกติในบ้านและนอกบ้านของคุณแม่
  3. การเยียวยาและชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ทั้งทรัพย์สินและจิตใจ
  4. การเยียวยาทางจิตใจให้กับคุณแม่และครอบครัว เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดีที่สุด จวบจนคุณแม่จะสิ้นอายุขัย

หากจะให้ผมอธิบายความคิดออกมาเป็นบทความ จากครอบครัวเราที่เคยสมบูรณ์ แต่วันนี้เราไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นได้พรากมันไปจากเรา เราไม่ได้หวังที่จะเรียกร้องให้ได้อะไรมากมาย แต่เพียงแค่ให้ได้เรากลับไป “เกือบเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด” เพราะเรารู้ดีว่าคงไม่มีอะไรทำให้คุณแม่กลับไปได้ดังเดิม 100%

สุดท้ายนี้ ตามคำแนะนำของคุณหมอ พวกเราได้พาคุณแม่ลงมาเปลี่ยนบรรยากาศ เดินเล่นและดื่มกาแฟด้านล่างของโรงพยาบาล ตลอด 26 วันที่ผ่านมาคุณแม่ใช้ชีวิตแค่ในห้องผ่าตัด ห้องพัก และห้องกายภาพ วันนี้เป็นวันแรกที่คุณแม่ได้ลงมาใช้ชีวิตปกติเช่นคนธรรมดาคนนึง

ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่กี่นาที เราจะเห็นว่าคุณแม่ของผมยังสวย ยังมีบุคคลิกภาพที่ดี และเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ เพราะกำลังใจที่เปล่งออกมาจากภายใน

วันนี้ผมเองขออนุญาติคุณแม่ลงรูปใบหน้าของท่าน และอยากจะขอให้เพื่อนๆ และญาติมิตรทุกท่านที่รู้จักคุณแม่ ให้ช่วยกันโพสต์ภาพที่สวยที่สุดของคุณแม่และอวยพรเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่และครอบครัวของพวกเรา ในคอมเม้นท์ภายใต้โพสต์นี้หน่อยครับ