ภายหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล (Mjets) เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ผ่านมา และได้ทำการสักการะแสดงความเคารพต่อพระบรมมาฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นโบกมือทักทายและจับมือแกนนำพรรคเพื่อไทย อีกทั้งมวลชนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ ได้ตะโกนเรียกชื่อทักษิณดังกึกก้อง ก่อนที่เจ้าตัวและครอบครัวจะเดินกลับเข้าไปภายในอาคาร ตามที่มีการรายงานข่าวมาแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งตำรวจจราจรกลาง (บก.จร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล สน.ประชาชื่น และ สน.ทุ่งสองห้อง ภายใต้การกำกับของ บก.น.2 ได้มีการปิดกั้นพื้นที่ด้านหน้าเรือนจำฯ โดยนำรั้วเหล็กแผงกั้นวางยาวริมถนนกว่า 400 เมตร พร้อมนำรั้วลวดหนามวางกั้นอีกชั้น เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ รวมถึงอำนวยการด้านการจราจร ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้สัญจรไป-มาบนถนนงามวงศ์วาน ตามแผนเผชิญเหตุต่าง ๆ และเฝ้าระวังกลุ่มมือที่สาม หรือผู้ไม่ประสงค์ดี รวมถึงบริเวณด้านหน้าป้ายเรือนจำกลางคลองเปรมยังมีการวางรั้วลวดหนามอีกด้วย นอกจากนี้ ในการเตรียมความพร้อมของพื้นที่โดยรอบเรือนจำฯ มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน กลุ่มผู้สนับสนุนนายทักษิณ และรถยนต์ของผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในบริเวณด้านในรั้วของเรือนจำเด็ดขาด

ขณะที่กลุ่มคนสนับสนุนนายทักษิณจำนวนหนึ่ง ต่างสวมเสื้อแดง และเสื้อแจ๊กเกตพรรคเพื่อไทย บางส่วนเดินทางมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด บางส่วนมาจากจังหวัดมหาสารคาม โดยมานั่งปักหลักบนพื้นฟุตบาทที่มีการจัดเตรียมพื้นที่ไว้ เพื่อเตรียมให้กำลังใจนายทักษิณกันตั้งแต่ช่วงเช้า โดยตัวแทน เปิดเผยว่า พวกเรารู้สึกดีใจที่นายทักษิณ ตัดสินใจกลับมาที่ประเทศไทย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้คาดหวังว่าจะให้กลับมาเล่นการเมือง ปล่อยให้คนรุ่นหลังสานสัมพันธ์ต่อ

ด้านนางฉัตรลดา วิลาศ และนางอ่อนจันทร์ สมบัติหอม ระบุว่า พวกตนเดินทางมาจากมหาสารคาม พร้อมกับมวลชนคนเสื้อแดงจากภาคอีสานกว่า 20 จังหวัด เดินทางออกมาจากมหาสารคามตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของคืนวานนี้ และมาถึงกรุงเทพฯ ตอนตี 4 โดยกลุ่มของพวกตนได้แยกมารอรับที่หน้าเรือนจำฯ เนื่องจากที่สนามบินดอนเมืองมีคนจำนวนมาก พวกตนตั้งใจเดินทางมารอรับนายทักษิณโดยเฉพาะ เป็นการรอคอยมานานกว่า 17 ปี และรู้สึกดีใจที่ท่านกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยพวกตนเชื่อมั่นว่า ท่านจะได้รับความยุติธรรมจากคดีความที่เกิดขึ้น ต่อให้ท่านจะต้องจำคุก 5 ปี หรือได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำก่อนกำหนด พวกตนก็รอได้ และเชื่อว่าในโอกาสพิเศษ มวลชนเสื้อแดงทุกคนจะมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณในเรือนจำ โดยหากมีโอกาสได้เจอนายทักษิณ จะนำผ้าขาวม้าและปลาร้าบอง ซึ่งเป็นอาหารที่นายทักษิณโปรดปรานขณะเยี่ยมภาคอีสานสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาให้ท่าน

สำหรับความประทับใจในตัวนายทักษิณนั้น ทั้งคู่ระบุว่า ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประเทศไทย มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างมาก นโยบายต่าง ๆ เข้าถึงคนรากหญ้าและสามารถทำได้จริง อาทิ OTOP กองทุนหมู่บ้าน และ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้ประชาชนรากหญ้าลืมตาอ้าปากได้ พวกตนจึงอยากจะขอขอบพระคุณนายทักษิณในทุก ๆ สิ่งที่เคยทำเอาไว้แก่ประชาชน และเชื่อว่าสักวันหนึ่งพวกตนจะได้พบเจอนายทักษิณอีกครั้ง ไม่ว่าท่านจะจำคุกอีกกี่ปี ในวันนี้เพียงแค่เห็นว่าท่านเดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้ต้อนรับขบวนรถของท่านขณะเลี้ยวเข้าเรือนจำ ก็ปลาบปลื้มใจแล้ว

ทั้งคู่ยังได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า พวกตนยังคงให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่ แม้จะมีพรรคร่วมเป็นจำนวนมาก แต่ทุกพรรคต่างมีนโยบายที่ดี และจะสามารถนำนโยบายเหล่านั้นมาบูรณาการร่วมกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่ได้ รวมทั้งยังเชื่อว่าประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ จะกลับมารุ่งเรืองเหมือนสมัยรัฐบาลทักษิณอีกครั้ง

ต่อมามวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณด้านหน้าเรือนจำ ริมถนนงามวงศ์วาน ซึ่งขณะนั้นกำลังดูไลฟ์บรรยากาศการเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยของนายทักษิณทางโทรศัพท์มือถือ ต่างส่งเสียงกรีดร้องดีใจ ที่เห็นนายทักษิณบนแผ่นดินไทย บางคนถึงกับมีอาการขนลุกและเกือบจะร้องไห้ปลาบปลื้มใจ ที่ได้เห็นนายทักษิณ กลับมาเหยียบประเทศไทยอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานด้วยว่า หลังจากที่ราชทัณฑ์เสร็จสิ้นกระบวนการรับตัวนายทักษิณแล้ว จะมีการแถลงข่าวโดยนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ถึงรายละเอียดขั้นตอนการรับตัวและควบคุมตัว นอกจากนี้ ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำกลางคลองเปรม และทัณฑสถานหญิงกลาง ได้มีการประกาศงดให้ญาติของผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมทั้งหมด.