พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประจำประธาน กสทช. ได้ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลและข่าว การใช้งบประมาณถึง 45 ล้านบาท เพื่อเดินทางไปประชุมในต่างประเทศ ของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งจริงๆ แล้วมีรายละเอียดดังนี้

1) ตามงบประมาณประจาปี 2565 ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของประธาน กสทช. รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,593,809.39 บาท และตามงบประมาณประจำปี 2566 ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป ต่างประเทศของประธาน กสทช. รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 3,880,722.05 บาท ดังนั้น ประธาน กสทช. ใช้งบประมาณเดินทางต่างประเทศทั้งสิ้น 6,474,531.44 บาท มิได้ใช้งบประมาณ 45.8 ล้านบาท ดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

2) ในปี 2565 ประธาน กสทช. เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศทั้งสิ้นจำนวน 30 วัน (เดินทาง 4 ครั้ง) และในปี 2566 เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศทั้งสิ้น 34 วัน (เดินทาง 5 ครั้ง) ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ดำรงตาแหน่งมาเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ประธาน กสทช. เดินทางไปปฏิบัติงานราชการจานวน 64 วัน (เดินทาง 9 ครั้ง) เท่านั้น จึงมิได้ใช้เวลาอยู่ต่างประเทศ 121 วัน ดังที่กล่าวอ้าง

3) การเดินทาง Global Symposium For Regulator (GSR-23) ณ เมือง Sharm El-Sheikh ประเทศอียิปต์ ของประธาน กสทช. ไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแต่อย่างใด

4) การเดินทางส่วนตัวเป็นการใช้งบประมาณของตนเอง โดยเดินทางไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวและได้อาศัยช่วงเวลาดังกล่าวศึกษาดูงานด้านการแพทย์โทรคมนาคม ซึ่งจะเดินทางเฉพาะช่วงวันหยุดยาวหรือสุดสัปดาห์เท่านั้น ไม่ได้มีการใช้งบประมาณของสำนักงาน กสทช.

5) การประชุม ITU Plenipotentiary Conference (PP22) กรุงบูคาเรสต์ สาธารณรัฐโรมาเนีย และการประชุม ITU Council ณ นครเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ เป็นการประชุมซึ่งถือเป็นภารกิจสาคัญของ ประธาน กสทช. ในฐานะผู้นำองค์กร และประธาน กสทช. ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเป็นผู้แทนหลัก ประเทศไทยทำหน้าที่เข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อเป็นผู้แทนของประเทศไทย ลงคะแนนในการเลือกตั้งเลขาธิการ ITU   

ขณะที่การประชุม ITU Council ณ นครเจนีวา ระหว่างวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2566 (4 วัน) เป็นการประชุมครั้งแรกที่เลขาธิการ ITU คนใหม่ นาง Doreen Bogdan-Martin ทาการมอบนโยบายครั้งแรก ซึ่งทางนาง Bogdan-Martin ได้เรียนเชิญผู้บริหารสูงสุดขององค์กร (ประธาน กสทช.) เข้าร่วมการประชุมเพื่อรับฟังนโยบาย One ITU และนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

6) การประชุม Thailand 5G Ecosystem Reverse Trade Mission เป็นการเดินทางซึ่งได้รับเชิญจาก Department of Commerce ของสหรัฐ โดยหน่วยงาน USTDA ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งการเดินทางดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเจรจาการค้ากับรัฐบาลสหรัฐ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ กรรมการ ทั้ง 3 ท่านที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนเต็มจำนวนจากสหรัฐ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ อาจ พิจารณาปรับสิทธิใช้ที่นั่ง first-class โดยกระทบงบประมาณของสำนักงาน กสทช. ก็ได้ หากแต่ประธาน กสทช. ใช้สิทธิเฉพาะเท่าที่สหรัฐ ให้การสนับสนุนเท่านั้น

7) ในการเดินทางเกือบจะทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด ประธาน กสทช. พยายามเดินทางโดยมิได้ใช้สิทธิเต็มจำนวนตามเอกสิทธิ์ในฐานะ กสทช. แต่อย่างใด (สิทธิบัตรโดยสารเครื่องบินที่นั่งชั้น 1 และห้องสวีท) เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประธาน กสทช. จะแจ้งก่อนตลอดว่า ให้เลือกจองบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจ

8) ทุกภารกิจที่มีการเดินทาง ประธาน กสทช. ล้วนแล้วแต่ได้รับเกียรติจากหน่วยงานต่างประเทศ ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ เรียนเชิญให้เข้าร่วมการประชุมหรือการศึกษาดูงาน ในฐานะตัวแทนขององค์กรกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมทั้งสิ้น ซึ่งไม่ได้มีภารกิจใดที่ประธาน กสทช. เดินทางเองโดยมิได้รับเชิญ

9) ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ตามที่ กสทช. กำหนดไว้ตามระเบียบว่าด้วยการนั้น ตามข้อ ๗(๒) ของระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน พ.ศ. 2565

10) เนื่องจาก กสทช. เป็นองค์กรที่มีภารกิจส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคม ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับภารกิจในส่วนของการต่างประเทศ ตามมาตรา 14 และ 14/1 ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจำเป็นจะต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างชาติโดยตลอด จึงทำให้มีการเดินทางเพื่อประสานงาน ส่งเสริมความร่วมมือ ทั้งในลักษณะจัดทำ MoU หรือในลักษณะของการพบปะหารือเพื่อกำหนดทิศทางกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งเพื่อร่วมกันกำหนดมาตรฐานคลื่นความถี่ การใช้สิทธิวงโคจร การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม

ทั้งนี้ เพื่อรักษาสถานะของประเทศไทยในกิจการโทรคมนาคม ให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ รวมถึงเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสาคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญอย่างการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม (WRC-23) ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าประเทศไทยจะมีท่าทีเช่นไร และจะนำเอามาตรฐานโทรคมนาคมรวมถึง แนวทางการจัดสรรคลื่นความถี่เช่นไรมาปรับใช้ ภายใต้สถานการณ์ที่การเมืองโลกอยู่บนความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์