จากกรณีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก มีการทำธุรกิจในเครือข่ายหลายธุรกิจที่เข้าเสนอและรับงานจากหน่วยงานของรัฐหลายกระทรวงในพื้นที่หลายจังหวัด โดยประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ผลิต และจำหน่ายยางแอสฟัลท์ติกคอนกรีต ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย มีมูลค่าหลายพันล้านบาท ภายใต้ 2 บริษัท คือ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด และ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด พบว่าตั้งแต่ปี 54-ปัจจุบัน ทั้งสองบริษัทคว้างานประมูลของหน่วยงานภาครัฐไปถึง 1,544 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 7.5 พันล้านบาท และในจำนวนนี้มี 2 โครงการที่มีวงเงินสัญญาสูงถึง 30 ล้านบาทที่มีเหตุอันควรสงสงสัยว่ามีการฮั้วประมูล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียดจากทางดีเอสไอ ก่อนพิจารณารับเป็นคดีพิเศษในสัปดาห์ถัดไป ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น…

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 พล.ต.อ. สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินคดีกับตำรวจร่วมงานเลี้ยงกำนันนก นั้น จากการประชุมสรุปผลการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ประกอบสำนวนคำให้การของตำรวจทุกนายที่เข้าร่วมงานเลี้ยง และประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ ทำให้สามารถสรุปได้ว่ามีข้าราชการตำรวจที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน โดยไม่ละอายใจต่อเกียรติภูมิความเป็นตำรวจ จึงต้องดำเนินคดีกับตำรวจทุกนายที่มีพฤติกรรมกระทำผิด

จับตา”DSI”จ่อยกระดับคดี “กำนันนก”สู่สำนวนคดีผู้ทรงอิทธิพล

จากการตรวจสอบพบว่ามีตำรวจที่เข้าข่ายกระทำความผิดรวม 14 นาย เป็นกลุ่มตำรวจที่ไม่ให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์และรองผู้กำกับวศิน อาทิ พ.ต.อ.กกฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการ สน.พญาไท ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จหรือให้การเท็จนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงพ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ได้ หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากเสียชีวิตไปแล้วพนักงานสอบสวนจะระบุท้ายสำนวนว่าเสียชีวิตแล้ว

ส่วนพ.ต.ท.วศิน หรือรองผู้กำกับวศิน รองผู้กำกับการตำรวจ ทล.2 ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานแจ้งความเท็จ แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบสำนวนคำให้การและภาพประกอบวงจรปิด พบว่าคำให้การนั้นตรงกันและอยู่ในฐานะผู้เสียหายจึงรอดไม่ถูกดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 14 นาย เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลางซึ่ง พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำโดยพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ เป็นหัวหน้าชุดในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ โดยจะเรียกตำรวจทั้ง 14 นาย มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันนี้