กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ดำเนินการสืบสวนสอบสวน 2 บริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” ในฐานะกรรมการบริษัท ได้แก่ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด และบริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งทั้งสองแห่งรับโครงการจากหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ถึงปัจจุบัน รวม 20 โครงการ โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าวงเงินสัญญาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกพยานแก่ 58 บริษัทซึ่งเคยยื่นซื้อซองเสนอราคาในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แต่ถอนตัวไม่เข้าร่วมในขั้นตอนการเปิดซองประมูล หรือ e-bidding เข้าให้ปากคำชี้แจง เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยจะมีการทำสัญญากับภาครัฐโดยไม่โปร่งใส หรือมีการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทของกำนันนก กระทั่งล่าสุดอธิบดีดีเอสไอ ได้ตรวจสอบพยานเอกสารและหลักฐานก่อนพิจารณาอนุมัติรับเป็นคดีพิเศษที่ 82/2566 เพื่อดำเนินการทางคดี ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ต.ค. อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดนั้น ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่อง และในเร็วๆ นี้ทราบว่า คณะพนักงานสอบสวนจะมีการเปิดปฏิบัติการ (Operation) แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยจุดไหนอย่างไรได้ คาดว่าจะเป็นจุดที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่จัดให้มีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น ส่วน 19 โครงการ ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้วนั้น ภาพรวม ณ ขณะนี้ เราก็ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในทุกประเด็น ยังไม่ตัดโครงการใดทิ้งไป เพราะจากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้มา บางโครงการอาจมีการฮั้วประมูล แต่ในบั้นปลายอาจจะมีการสมยอมกันได้ ยังไม่มีการจ่ายเงิน แต่ตัวบุคคลเกี่ยวข้องก็จะเป็นกลุ่มคนเดียวกันที่ดำเนินการ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังตรวจสอบทุกโครงการ ส่วนท้ายสุดพบว่าโครงการใดผิดหรือมีพฤติการณ์ฮั้วประมูลบ้าง พนักงานสอบสวนก็จะกล่าวแจ้งข้อหาเอาผิดกับโครงการและบริษัทนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่รับเป็นคดีพิเศษ จำนวน 19 โครงการ แต่อีก 1 โครงการ ไม่ได้รับเข้านั้น ตนขออธิบายว่า กระบวนการและตัวบุคคลของโครงการยังคงเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงต้องสืบเชิงลึกต่อไป

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่พบบริษัทเกี่ยวข้องซ้ำๆ กัน ในการยื่นซื้อซองเสนอราคานั้น ในข้อเท็จจริง คนกลุ่มนี้อาจไม่เกี่ยวข้องในเชิงพฤติกรรม แต่เกี่ยวข้องกับการประมูลทั่วไป เพราะบางพื้นที่จะมีนักลงทุนไม่กี่บริษัทเท่านั้น พนักงานสอบสวนจะต้องใช้ความรอบคอบ ตรวจสอบทั้งในส่วนของบริษัทและบุคคล ก็ต้องให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ ในส่วนของการสอบปากคำพยานแก่บริษัทต่างๆ ก็เป็นไปตามข่าว ซึ่งมีความผิดปกติจริง แต่หน้าที่ของเรา คือ ไม่เอาเพียงความน่าเชื่อ แต่ต้องมีพยานหลักฐานประกอบด้วย

เมื่อถามว่าจะมีการเชิญตัวแทนบริษัทของกำนันนก หรือจะต้องเบิกตัวกำนันนก เพื่อสอบปากคำหรือไม่นั้น พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า แน่นอนว่าจะมีการเชิญตัวแทนบริษัทของกำนันนกมาสอบปากคำ ส่วนเรื่องการเบิกตัวกำนันนกนั้น ในข้อเท็จจริงเราสามารถประสานไปยังหน่วยงานที่ควบคุมตัวและเข้าไปสอบปากคำได้ เพราะพนักงานสอบสวนก็ได้เร่งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง ต่อข้อถามว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องหรือไม่ พนักงานสอบสวนได้มีการตั้งสมมุติฐานไว้ ส่วนหากมีการปรากฏรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในภายหลัง ก็จะมีการแจ้งกลับมา ตอนนี้เป็นเพียงสมมุติฐาน และมีโอกาสเป็นไปได้เนื่องจากพบความผิดปกติ ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะมีการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดต่อไป ทั้งนี้ จะมีการแจ้งข้อหาเอาผิดให้เร็วที่สุด คาดว่าภายในสองเดือน จะเห็นความชัดเจนว่าจะมีการฟ้องเอาผิดกี่คดีและมีบุคคลใดบ้าง.