จากกรณีที่เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่มีเด็กชายอายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืนกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าพารากอน ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ก่อนที่เด็กชายจะถูกตั้งข้อหาหนัก และนำตัวส่งสถานพินิจไปแล้วนั้น

วันที่ 5 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา กรุงเทพฯ ได้มีการขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ จับกุม 3 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีเด็กชาย อายุ 14 ปี กราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าพารากอน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า บุคคลทั้ง 3 ราย เป็นผู้ที่จำหน่ายอาวุธปืนแบลงค์กันให้กับผู้ก่อเหตุ และได้มีการประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.ยะลา หลังพบว่ามีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา มีการจำหน่ายอาวุธปืนให้แก่เด็กชาย อายุ 14 ปี เพื่อใช้ในการก่อเหตุ

ทาง พ.ต.อ.ธัชพิชัย จารย์วรานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย ทีมงาน เข้าปิดล้อมตรวจค้น และจับกุมตัว นายอัครวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี และนายสุวรรณหงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ในบ้านพักในพื้นที่ ถนนเวฬุวัน ต.สะเตง อ.เมืองยะลา (ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจยึด 1.ลูกกระสุนแบลงค์กัน จำนวน 209 นัด 2.ท่อเหล็กตัดท่อน (ลำกล้องปืน) จำนวน 33 ท่อน 3.สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย 2 เล่ม 4.เสื้อยืดคอกลมสีเทา (ตัวที่นายสุวรรณหงส์) สวมใส่ขณะกดเงิน 5.แมกกาซีนปืน จำนวน 9 อัน และอุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนอื่นๆ รวม 27 รายการ

นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ลงประจำวัน ที่ สภ.เมืองยะลา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวเข้าที่ สภ.ยานนาวา กรุงเทพฯ โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันผลิตอาวุธปืนดัดแปลงปืนบีบีกันเพื่อนำจำหน่ายจริง ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี รายละเอียดตรงนี้ขอตรวจเช็กเพื่อยืนยันคำพูดอีกครั้ง ซึ่งก็มีการเช็กบัญชีการขาย บัญชีทางการเงิน การติดต่อสื่อสาร เพื่อจะรวบรวมเครือข่ายที่มาที่ไปใครที่เกี่ยวข้อง จะมีการดำเนินคดีทั้งหมด ที่ผ่านมาส่งไปทางไปรษณีย์ คล้ายๆ กับการค้าขายยาเสพติดอีกด้วย

รวบ 2 หนุ่มยะลาต้นตอขายปืนให้เด็ก 14 กราดยิงสยามพารากอน

ขณะที่ นายวีรเกียรติ  อายุ 52 ปี หัวหน้างานกองช่างแห่งหนึ่งในยะลา ซึ่งเป็นหัวหน้างานของผู้ต้องหาวัย 45 ปี กล่าวว่า ตนเองร่วมงานกับน้องที่ถูกเชิญตัวไป ภาพรวม ทำงานดี ทำงานทุกวัน เรื่องโทรศัพท์จะเล่นไม่เป็นเรื่อง ครอบครัวส่วนตัวไม่เคยเล่าให้ฟัง เช้ามาทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้านปกติ ไม่เคยสุงสิงกับใคร ไม่กินเหล้า ในเรื่องนี้ตนเองเพิ่งไปคุยกับ ผอ.งาน ก็ทราบแล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่ อยู่ช่วงต่อสัญญาพอดี จึงหยุดต่อสัญญาไปก่อน ถ้าคดีบริสุทธิ์ไม่โดนคดี รับเข้าทำงานเหมือนเดิม

ด้าน นางศิรินาม ฤทธานันท์ อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างของแม่ของผู้ต้องหาวัย 22 ปี กล่าวว่า โดยภาพรวม น้องเป็นคนขยันทำงาน เป็นลูกจ้างรายวันของตน ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ถ้าไม่เห็นกับตา ตนเองก็ไม่เชื่อ เพราะว่าเล่นโลกโซเชียลไม่เป็น ถ้าจะไปทำธุรกรรม เรื่องการเงินที่ธนาคาร แฟนมาขออนุญาตว่าจะหยุดงานไปทำธุรกรรมการเงิน ไปเปิดบัญชีเงินเดือนเข้าออก ตนเองก็รับรู้ได้แค่นี้ ไม่เคยเห็นหน้าลูกเขาเลย รู้แต่ว่ามีลูก 2 คน เท่านั่นเอง