เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “CIB Anti Online Scam : ขุดรากแก๊งปลอมเพจ หลอกชวนเทรดหุ้น” หลังเข้าตรวจเป้าหมาย 21 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัด จับกุม 4 ผู้บงการได้ พร้อมลูกสมุน 22 ราย

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า คนร้ายกลุ่มนี้ ได้ปลอมเพจเฟซบุ๊กร้านทองออโรร่า พร้อมโพสต์ชักชวนผู้คนให้นำเงินเข้าร่วมลงทุนเทรดหุ้น อ้างจะได้ผลกำไรร้อยละ 20-30 ของเงินลงทุน ซึ่งแท้จริงแล้ว ผลกำไรต่างๆ เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สร้างขึ้นมาดึงดูดใจเหยื่อแต่ไม่สามารถถอนออกมาได้ เพราะคนร้ายอ้างเงื่อนว่าต้องเสียภาษี ต้องวางเงินการันตี ก่อนจะตัดขาดการติดต่อ หรือเชิดเงินทั้งหมดหนีไป โดยที่ผ่านมา มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 50 ราย ก่อนเปิดปฏิบัติการดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 26 ราย ในจำนวนนี้มีหัวหน้าแก๊งหรือระดับสั่งการ 4 ราย เป็นชาวจีน พร้อมตรวจยึดเงินในบัญชีคริปโต 28 ล้านบาท สมุดบันชีธนาคาร ซิมการ์ด และคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ยังได้ตรวจพบว่าขบวนการนี้มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินคดีฟอกเงินด้วย

พ.ต.อ.ธีรภาส กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้แบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งคนจัดหาซื้อเพจ คนโพสต์ข้อความชักชวน คนติดต่อพูดคุยกับเหยื่อ คนสอนเทรดหุ้น บัญชีม้า คนแปลงทรัพย์สิน โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จ้างคนไทยเป็นนอมินีเปิด 3 บริษัทขึ้นมาบังหน้า ส่วนเส้นทางการเงินพบว่า เงินของเหยื่อจะถูกโอนไปยังบัญชีม้าคนไทย 3 แถว ก่อนจะโอนต่อเข้าบัญชีม้าแถวที่ 4 เป็นบัญชีคนต่างชาติ เพื่อรวบรวมเงินนำไปแปลงเป็นทรัพย์สินต่างๆ ส่งไป สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อขายกลับมาเป็นเงินสด หรือแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัลคริปโต หรือแปลงเป็นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ โดย 3 บริษัท ช่วยจัดการและไม่มีการดำเนินกิจการอยู่จริง แต่กลับมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้ต้องหาบางส่วนให้การภาคเสธ และบางส่วนปฏิเสธตลอดข้อหา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ปกติแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะตั้งฐานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะแผนประทุษกรรมหลอกลวงเงิน จะเน้นการใช้โทรศัพท์เป็นหลัก ต่างจากแก๊งนี้ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในไทย ส่วนผู้ต้องหาระดับบอสทั้ง 4 เข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง จึงต้องรอจังหวะจับกุม สำหรับผู้ต้องหาคนไทยส่วนใหญ่เป็นบัญชีม้า เลขาฯ และนอมินีกรรมการบริษัทต่างๆ ทั้งนี้ กำลังขยายผลตรวจสอบกลุ่มบริษัทที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทนอมินีทั้ง 3 ด้วยว่า เกี่ยวข้องหรือไม่ต่อไป