เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัว ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 ไปส่งโรงพยาบาลห้วยราช หลังจากพบมีอาการผิดปกติเหม่อลอยและตะโกนเป็นบางครั้ง ทำให้เพื่อนักเรียน ม.1 ด้วยกันตื่นตระหนกแจ้งให้คุณครูทราบ ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะของ ด.ช.เอ เบื้องต้นพบฉี่เป็นสีม่วง เมื่อมีการซักประวัติ ด.ช.เอ ยอมรับว่าเสพยามาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 ตอนนั้นอายุ 11 ปี โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนไปมั่วสุมตามป่าอ้อยในหมู่บ้าน

ด้านยายเด็ก เล่าว่า แม่เด็กมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว ไม่มีเวลาดูแล จึงให้ตนมาเลี้ยง ปกติไม่เคยรู้ว่าหลานไปไหน หรือเสพยาอะไรหรือไม่ จนกระทั่งครูมาแจ้งว่าหลานหลอนยา รู้สึกตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าหลานเสพมาตั้งแต่อยู่ ป.5

ขณะที่ชาวบ้านในหมู่บ้าน กล่าวว่า ยาบ้าตอนนี้มีทุกแห่ง ทุกหมู่บ้าน จำนวนวัยรุ่นที่เสพน่าจะมีมากกว่าวัยรุ่นที่ไม่เสพ จนกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะยาบ้าราคาถูกเม็ดละ 15 บาทเท่านั้น ถูกกว่าผงชูรสกับน้ำตาลทรายอีก จึงอยากให้รัฐบาลมีการปราบปรามยาเสพติดให้ห่างจากสังคมโดยเร็ว ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายออกมา เนื่องจากตอนนี้คนเสพยาบ้าหลอนจนเสียสติก็มีเยอะ แต่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้ ปล่อยให้มาสร้างปัญหาให้กับชุมชน โดยอ้างว่าคนบ้า รวมถึงจำนวนยาบ้าในการครอบครองว่าควรจะกี่เม็ด ส่วนตัวคิดว่าตั้งแต่ 1 เม็ดเป็นต้นไป จึงจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ก่อนที่เยาวชนจะเป็นทาสยาเสพติดกันถ้วนหน้า.