สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ว่า ผู้คนจำนวนมากรีบไปที่ชายแดนปากีสถาน-อัฟกานิสถาน ในช่วงหลายวันก่อนถึงวันที่ 1 พ.ย. ขณะที่ตำรวจปากีสถานเริ่มเปิดศูนย์กักกันหลายสิบแห่ง เพื่อคุมขังชาวอัฟกันที่ถูกจับกุม

ทั้งนี้ ทางการตาลีบันตั้งศูนย์ประมวลผลชั่วคราวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดข้ามพรมแดนหลายกิโลเมตร รวมถึงค่ายสำหรับครอบครัวที่ไม่มีที่ไป หลังปัญหาคอขวดบริเวณชายแดนทำให้เกิด “สถานการณ์ฉุกเฉิน” แก่ผู้ติดค้างหลายพันคน

“เราติดต่อกับทางการปากีสถานอย่างสม่ำเสมอเพื่อขอเวลาเพิ่มให้แก่พลเมืองชาวอัฟกัน และชาวอัฟกันต้องได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับมาอย่างมีศักดิ์ศรี” นายคาลิล ฮักกานี รมว.ผู้ลี้ภัยของรัฐบาลตาลีบัน กล่าว “ปากีสถานไม่ควรทำให้ชาวอัฟกันต้องเจอกับความยากลำบาก และพวกเขาไม่ควรสร้างศัตรูเพิ่ม”

ด้านทนายความหลายคน และกลุ่มสิทธิหลายกลุ่ม กล่าวหารัฐบาลปากีสถานว่า ใช้การข่มขู่ การละเมิด และการควบคุมตัว เพื่อบังคับให้ผู้ขอลี้ภัยชาวอัฟกันออกจากประเทศ ขณะที่ชาวอัฟกันจำนวนมาก รายงานว่ามีการจับกุม และการขู่กรรโชกโดยพลการมานานหลายสัปดาห์

ทางการปากีสถานระบุว่า คำสั่งเนรเทศดังกล่าวมีไว้เพื่อปกป้อง “สวัสดิภาพและความมั่นคง” ของประเทศ หลังเกิดการโจมตีเพิ่มขึ้นหลายครั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลอิสลามาบัดกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของชาวอัฟกัน

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวข้างต้นน่าจะเป็นกลยุทธ์กดดัน ในการบังคับให้รัฐบาลตาลีบันร่วมมือในประเด็นด้านความปลอดภัย อีกทั้งการขับไล่ชาวอัฟกัน ซึ่งไม่มีใบอนุญาตอยู่อาศัยที่ถูกต้องตามกฎหมาย ยังได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากชาวปากีสถาน เนื่องจากการอยู่อาศัยเป็นเวลานานของผู้ลี้ภัย ทำให้เกิดภาระหนักอึ้งต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP