เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แวงน้อย พร้อมด้วย นายเดช ได้นำรถตู้ป้ายเหลือง ไปนำส่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจและเก็บหลักฐานภายในรถตู้คันดังกล่าว หลังนายเดชได้ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.แวงน้อย โดยหน้าที่ ศพฐ.4 ได้ใช้น้ำยาตรวจเช็ดบนเบาะรถของรถตู้ เพื่อเก็บหลักฐาน ซึ่งพบของเหลวสีแดง แต่ยังไม่ยืนยันว่าใช่เลือดหรือไม่ ซึ่งจะนำไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวบางส่วนได้เดินทางไปที่บ้านของนายเดช แต่ไม่พบเพราะสวนกับนายเดชที่เดินทางไปมอบตัวกับตำรวจ พบเพียงภรรยาของนายเดช อายุ 52 ปี ได้เปิดสมุดบันทึกการเดินทางของลูกค้า โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่มีการระบุว่าเป็นวันเกิดเหตุ ในวันดังกล่าวมีผู้โดยสารเต็มคันรถ และมีนายเดชเป็นคนขับจริง ก่อนจะไปรับเด็กหญิงนั้น ได้รับการติดต่อจากพ่อของเด็กให้ไปรับลูกสาวที่บ้านพัก สามีจึงขับรถตู้ไปรับในวันที่ 30 ต.ค.จริงและนำส่งที่บ้านอย่างปลอดภัย ที่ผ่านมาครอบครัวเด็กหญิงได้เรียกใช้บริการรถตู้มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยทางพ่อของเด็กหญิงจะเป็นคนที่โทรฯ ติดต่อมาให้ไปรับลูกเพื่อเดินทางมายังกรุงเทพฯ โดยส่วนตัวเชื่อใจว่า สามีไม่ได้ก่อเหตุเพราะได้ประกอบอาชีพขับรถตู้รับจ้างมานานกว่า 10 ปี และเป็นอาชีพหลักจะไม่มีทางทำผิดแน่นอน

“ในส่วนของเหตุการณ์ที่มีการกล่าวอ้างนั้น ยอมรับว่าตกใจ หลังจากที่ทราบข่าวก็ได้มีการพูดคุยกับสามี นายเดช บอกว่า ไม่ได้ก่อเหตุแต่อย่างใด เพราะหากเป็นเรื่องจริง ทำไมผู้เสียหายไม่แจ้งความตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. แต่เรื่องได้ผ่านมา 1 เดือน ถึงมีการแจ้งความกับทางตำรวจ” ภรรยานายเดช กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ความคืบหน้าทางคดีได้ดำเนินการส่งตัวเด็กไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาล และได้สอบปากคำพ่อแม่เด็กเรียบร้อย ได้ความว่าก่อนหน้านี้ 1 เดือน เด็กได้เดินทางไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ทางพ่อแม่ได้ประสานรถตู้ให้รับเด็กที่ อ.แวงน้อย ไปส่งที่กรุงเทพฯ และเด็กได้บอกกับพ่อแม่ว่าคนขับรถตู้ได้ล่วงละเมิด และปัจจุบันหลังจากที่แจ้งความได้ส่งตัวเด็กไปพบหมออยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เบื้องต้นแพทย์บอกว่าสภาพจิตใจของเด็กยังไม่ดีและยังให้การอะไรไม่ได้ ทางเราได้ประสานงานไปยัง สน.บางกอกใหญ่ ให้เชื่อมั่นว่าทางตำรวจจะดำเนินการเต็มที่ตามกระบวนการทางกฎหมายไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง

“ขณะนี้คนขับรถตู้เข้าพบกับตำรวจ สภ.แวงน้อย แล้ว และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ส่วนในอำนาจการสอบสวนต้องให้ทางพื้นที่ที่มีอำนาจสอบสวนดำเนินการในการสอบปากคำอีกครั้ง คือ สน.บางกอกใหญ่ เป็นคนดำเนินการ เบื้องต้นคนขับรถตู้ได้ให้การปฏิเสธ สำหรับรถตู้จะมีการตรวจสอบหลักฐานตามกระบวนการ เบื้องต้นต้องให้ได้ข้อเท็จจริงในพยานหลักฐานชัดเจนก่อน และรอเด็กให้การได้จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าว