เมื่อวันที่ 10 พ.ย. กรณี น.ส.อุ้ย (นามสมมุติ) ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เดินทางมาพบ ร.ต.อ.การุณ จันดอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ เพื่อต้องการเอาผิด นายเบนซ์ อายุ 30 ปี และ น.ส.ปาน อายุ 26 ปี สองสามีภรรยา ฐานร่วมกันฉ้อโกง และคิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด หลังจาก น.ส.อุ้ย ได้ขอไถ่รถยนต์แบบอเนกประสงค์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเอเวอเรสต์ ที่เอาไปจำนำไว้กับนายเบนซ์ และ น.ส.ปาน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท หักดอกและค่าดำเนินการเหลือเงินกลับมา 71,000 บาท ผ่านไปเพียง 5 วัน น.ส.อุ้ยไปขอไถ่รถคืน แต่นายเบนซ์ และ น.ส.ปาน กลับปฏิเสธอ้างว่ารถไปอยู่กับนายแซม ชาวนครราชสีมา นายทุนอีกคน ถ้าจะไถ่รถต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ค้างไว้กับนายแซม อีก 120,000 บาท รวมจะต้องจ่ายเป็นเงิน 220,000 บาท หากต้องการไถ่รถคืน

จนกระทั่ง น.ส.อุ้ย ร้องผ่านสื่อว่าอยากให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้มาช่วยปราบอิทธิพล ที่เคยพูดเอาไว้แล้วว่าจะขอไปปราบอิทธิพลเถื่อน ล่าสุด น.ส.อุ้ย ได้รับรถคืนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับได้ลดค่าดอกเบี้ยที่ค้างเงินกู้ก่อนหน้านี้อีก 120,000 บาท

น.ส.อุ้ย กล่าวว่า ตอนนั้นเอารถไปจำนำไว้เมื่อวันที่ 19 ต.ค. วันที่ 24 ต.ค.หรือผ่านไปประมาณ 5 วัน ขอไถ่คืน แต่ถูกปฏิเสธ เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 26 ต.ค. วันที่ 27 ต.ค.แก๊งเงินกู้เอารถมาส่งไว้ที่ สภ.ลำปลายมาศ วันที่ 28 ต.ค. เจรจาแล้วยกหนี้ให้อีก 120,000 บาท

หลังจากนั้นตนก็กลับไปพักสงบสติอยู่บ้านพักที่ อ.ลำปลายมาศ ไม่ออกไปไหน จนกระทั่งมาคิดได้ว่า ”ลืมขอบคุณ รมช.ชาดา” จึงขอให้สื่อเป็นสื่อกลางฝากไปถึง รมช.ชาดา ว่า ”หนูใช้บารมีท่านแล้วได้รถคืนในทันที” ขอขอบคุณเป็นอย่างมาก ส่วนตัวก็อยากจะให้รัฐบาลหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้คนที่เดือดร้อนเรื่องเงินฉุกเฉิน เหมือนกับที่รัฐบาลกำลังพยายามจะแก้ไขปัญหาหวยเถื่อน หรือบ่อนออนไลน์