ต้องบอกว่าเป็นอีกนักแสดงหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงแบบก้าวกระโดด สำหรับ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักแสดงสมทบกับบท “หมอเต่า” ใน “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ที่เขาโชว์ฝีมือการแสดงคู่กับ พีพี-กฤษฏ์ อํานวยเดชกร ได้อย่างโดดเด่น จนขโมยซีน ก่อนสานต่อความปังนี้กับผลงานที่เข้ามายกระดับซีรี่ส์วาย อย่าง “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ที่ทำให้ทั้งคู่โด่งดังเป็นพลุแตก ควงคู่กวาดรางวัลหลายเวที และตอนนี้หนุ่ม บิวกิ้น ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานที่ท้าทายใหม่ ๆ กับการโชว์ตัวตนผ่านเพลงล่าสุด “I ไม่ O (IXO) ” จากค่าย “นาดาว มิวสิค” งานนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” จึงไม่รอช้า ไปพูดคุยกับหนุ่มคนนี้ ทั้งเรื่องผลงาน ความสำเร็จ และมิตรภาพกับหนุ่มพีพี ที่เป็นเหมือนคนในครอบครัว และบิวกิ้นยังยกให้เป็นหนึ่งคนพิเศษ ที่ทำให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ รวมไปเรื่องราวความรักที่สวยงามกับแฟนคลับที่เป็นเหมือนแรงผลักดันด้วย

“I ไม่ O (IXO)” สะท้อนตัวตนกับดนตรีแนวโซล

Q : เพลง “ I ไม่ O (IXO)” ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน และเพลงเล่าถึงอะไร

บิวกิ้น : จริง ๆ เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับซีรีส์ เป็นเพลงที่เผยความเป็นศิลปินเต็มตัว หลังจากที่เราเก็บประสบการณ์ ลองทำหลาย ๆ เพลงมา ก็รู้สึกว่าเพลงเป็นตัวตนของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มีโจทย์อะไรมาครอบเรา เรารู้สึกว่าเอาความเป็นตัวตนของเราลงไปอยู่ในนั้น จริง ๆ ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงโซล หรืออะไรที่เป็นซีรีส์ป๊อป เป็นเพลงเก่า ๆ ยุค 80 90 พอวันที่เราจะทำเป็นเพลงของเรา ก็รู้สึกเราอยากเอารสนิยม เอาตัวตนของเราลงมาอยู่ในเพลงนี้ด้วย ซึ่งเพลงนี้เล่าถึงความรู้สึกคนนึง ที่หึงหวงอีกคนนึงที่จริง ๆ แล้วเราอาจไม่ได้เป็นอะไรกัน ‘I ไม่ O’ คือไอไม่โอเคที่ยูอาจไปอยู่ใกล้คนอื่น หรือคนอื่นอาจมายุ่งกับยู หรือว่ามีคนอื่นมาแย่งจีบ เหมือนเราเป็นแฟนคลับ เป็นติ่งเขา ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขาครับ

Q : ทำไมครั้งนี้เลือกทำเพลงแนว Soul-City POP?

บิวกิ้น  : เพลงนี้เป็นแนวโซลป๊อป ที่มีกลิ่นซิตี้ ป๊อปอยู่ด้วย ที่ทำผมเพลงแนวนี้ เพราะว่าชอบการเดินดนตรีแบบหรูหรา มีความคลาสซี่ มีเครื่องดนตรีสด มีเครื่องเป่า มีเครื่องสายให้รู้สึกว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ดูแพง ผมว่าอะไรแบบนี้ฟังแล้วมันรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ ชอบดนตรีโซล เลยเป็นสารตั้งต้นว่าเราอยากทำเพลงแบบนี้ และตัวเรามีมุมไหนที่ไปกับมันได้ มันคือป๊อป ที่ดึงองค์ประกอบของอะไรพวกนี้เข้ามาอยู่ในเพลงครับ ซึ่งเพลงนี้ค่อนข้างต่างจากเพลงที่ผ่านมา ในมุมที่ว่าเพลงนี้เรามีโอกาสได้ลงมาทำเองเยอะ ได้เรียนรู้งานเยอะ เรามีโอกาสได้ตัดสินใจเกี่ยวกับรายละเอียดของเพลงเกือบทั้งหมด อีกอย่างเป็นเพลงเร็วที่ตัวผมเองไม่เคยทำเพลงแนวนี้มาก่อน เป็นเพลงที่ค่อนข้างมีจังหวะ มีท่าเต้น ก็ยากเหมือนกัน เพราะปกติเป็นคนที่ร้องแต่เพลงช้า และเวลาร้องให้มันกระชับ จะไม่ค่อยถนัด ต้องใช้เวลาฝึกเยอะเหมือนกันครับ

Q :  “บิวกิ้น” มีส่วนร่วมอะไรกับเพลงนี้บ้าง?

บิวกิ้น : ตั้งแต่ตั้งต้นเลยครับ พี่ ๆ ในนาดาว ก็รู้สึกอยากให้เราเป็นผู้กำกับของเพลงเราเอง เราก็มีโอกาสได้เลือกโปรดิวเซอร์ที่อยากทำงานด้วย มีโอกาสได้เลือกแนวเพลงที่เราอยากทำ เลือกคอนเทนต์เนื้อเพลงที่เราอยากเล่า รวมถึงคนทำงานทั้งหมด และรายละเอียดของตัวเองทั้งหมด เราก็มีโอกาสได้ร่วมตัดสินใจด้วย พี่เบล สุพล มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้การทำเพลง เหมือนได้ฝึกงานในการทำเพลงและเราก็เรียนรู้งานเบื้องหลังของเพลงเยอะมาก ๆ ครับ

Q :  ทำไมครั้งนี้จึงเลือกส่งเพลงไป Mix & Mastering ที่ประเทศญี่ปุ่น?

บิวกิ้น : พอเราทำเพลงแนวโซล ที่มีกลิ่นอายซิตี้ ป๊อป เราก็รู้สึกว่าถ้าจะทำให้เป็นซิตี้ป็อป เลยส่งให้ทางญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อความเป็นซิตี้ ป๊อปนั้นมิกซ์ไปเลยครับ จะได้กลับมาเป็นซิตี้ ป๊อปจริง ๆ เลยครับ

Q : ช่วงโควิดแบบนี้ การทำงานเพลง ที่ต้องมีขั้นตอนที่ต้องพูดคุยกัน มีความยากง่ายแค่ไหน?

บิวกิ้น : ผมว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ เหมือนเราไม่ได้มาเจอกัน แต่ก็การมีตติ้ง คุยกันผ่านซูมหรือคอลกรุ๊ป คอนเฟอเรนซ์ คอลตลอด ผมว่ามันง่ายกว่าด้วย บางทีเราไม่ว่าง เจอเคอร์ฟิว เราก็คุยกันได้ยาว ๆ และไปทำอย่างอื่นต่อได้ จริง ๆ ประชุมกันบ่อยมากทางออนไลน์ ผมอาจเริ่มทำเพลงในยุคนี้แล้ว ตั้งแต่ผมเริ่มทำเพลง ‘กอดในใจ’  ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเดี่ยวก็เป็นการทำงานแบบเว้นระยะห่างแบบนี้อยู่แล้ว คุยออนไลน์กันตลอด ผมเลยเฉย ๆ กับการทำงานแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรครับ

Q : เนื้อเพลงท่อนไหนที่บ่งบอกความเป็นตัวเรามากที่สุด?

บิวกิ้น : จริง ๆ ผมว่าโดยรวมก็มีความเป็นตัวผมสูงมาก เพราะคอนเทนต์ สารตั้งต้น การพรูฟ (Proof) คำของเนื้อแต่ละอย่าง ก็ต้องผ่านตัวผม ที่ต้องออกความคิดเห็น ออกไอเดีย มันพรูฟความเป็นตัวตนของเรา ว่าอันนี้ใช้เรามั้ย ผมเลยคิดว่าเกือบจะทั้งหมดองค์ประกอบของเพลง ไม่แค่เนื้อ แต่รวมถึงทำนองด้วย ผมว่าเพลงนี้คือเทสต์รสนิยมของผมแล้ว ผมรู้สึกว่าทั้งหมดมันถูกการพรูฟผ่านตัวเราแล้วครับ

Q :  “บิวกิ้น” ชอบลุคไหนในเอ็มวีมากที่สุด?

บิวกิ้น : จริง ๆ รวม ๆ ต้องบอกว่าชอบทุกลุคเลย เพราะว่ามันน่ารัก และทุกเซต แอคติ้งของเราก็เปลี่ยนตามนั้นด้วย มีแบล็กกราวด์แต่ละอัน แต่ถ้าถามว่าชอบลุคไหนมากที่สุด ก็ชอบเวส แอนเดอร์สัน ชอบชุดที่แคมป์ปิ้ง ผมว่ามันน่ารัก และไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ก็สนุกดีครับ

Q :  เมโลดี้และแนวเพลงค่อนข้างเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา “บิวกิ้น” ต้องฝึกอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง?

บิวกิ้น : เยอะเลยครับ อย่างแรกคือการร้อง ผมเป็นคนชอบร้องเพลงช้าและร้องเพลงเศร้า พอมาร้องเป็นเพลงเร็ว มันจะยาน เราต้องไปฝึกร้องเพลงให้มันเด้ง ให้ไดนามิกมันเน้นคำ มันก็จะมีรายละเอียดของเพลงที่ไม่เหมือนกับการร้องเพลงช้า อีกอย่างนึงคือมูฟเมนต์ คือเพลงที่มันมีจังหวะ เราก็ต้องมีมูฟเมนต์ที่ไปกับมันด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็จะยืนแข็งอยู่ในเพลงที่มันเร็ว ก็จะแปลกนิดนึง หลัก ๆ ก็น่าจะเป็นร้องกับเต้น อาจมีเรื่องของการเอ็นเตอร์เทนต์ด้วยนิดหน่อยครับ

Q :  ในเอ็มวีเพลง “I ไม่ O (IXO)” ใช้เวลาฝึกฝนการเต้นนานมั้ย?

บิวกิ้น : ก็นานอยู่เหมือนกันครับ จริง ๆ โชคดีที่ก่อนมาทำเอ็มวีเพลงนี้ ได้มีโอกาสเริ่มเรียนเต้นไปแล้วประมาณเดือนนึง แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ และพอไม่ทันไรก็ต้องมาทำเอ็มวีเพลงนี้ ก็ต้องมาเรียนเต้นอีกเกือบเดือนเหมือนกัน อาจจะได้แค่นั้นเพราะว่าความสามารถพื้นฐานมีต่ำมาก (ยิ้ม) พอบวกกับความยากนี้ ก็ใช้เวลาเรียนรู้นาน แต่ว่าจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ นะครับ

Q :  หลังปล่อยเอ็มวีเพลงนี้คนรอบตัว รวมถึง  ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ในฐานะ  Executive Producer  มีฟีดแบ็กยังไงบ้าง?

บิวกิ้น : จริง ๆ ผมว่าตั้งแต่สารตั้งต้นก่อนที่เราจะทำ พี่ ๆ นาดาว มิวสิคก็เห็นมุมการเป็นศิลปินของเราในมุมนี้ ที่อยากพาผมออกจากคอมฟอร์ตโซน พาไปเจอมุมอื่น ๆ ซึ่งจริง ๆ มันคือการทำเพลงเร็ว ทำเพลงสนุก แต่เท่าที่คุยผมว่าเขาก็แฮปปี้นะ กับการที่วันนี้เราออกมาทำสิ่งใหม่ ออกมาสำรวจสิ่งใหม่ สร้างมุมใหม่ของการเป็นศิลปินของเรา ผมก็แฮปปี้และผมเชื่อว่าพี่ย้งก็รักผมมาก เพราะเขาชอบแสดงออกแบบนั้นผ่านหลาย ๆ อย่าง (ยิ้ม)

Q :  คาดหวังยังไงกับการคัมแบ็คผลงานเพลงครั้งนี้?

บิวกิ้น : มันคือสิ่งใหม่สำหรับเรา มันคือการคัมแบ็คกลับมาเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่เติบโตและมีประสบการณ์มากขึ้น เราอยากให้คนเชื่อเราและยอมรับในสิ่งที่เราทำ สำหรับผมนะ เราไม่เคยทำสิ่งนี้กับแฟนเบส (Fanbase) ของเรา พอวันนึงที่เราสร้างอัตลักษณ์ตัวตน (Identity) ความเป็นตัวเองแบบนี้ออกไป เราก็ไม่แน่ใจว่ามันจะโอเคมั้ย พอปล่อยไปแล้วได้รับฟีดแบ็กที่ดี เราก็แฮปปี้ว่าคนเปิดรับเรา ในการที่เราทำเพลงแบบนี้ออกไป คนแฮปปี้กับมุมนี้ของเรา กับรสนิยมและตัวตนของเราครับ

สำรวจมุมศิลปินของ  “บิวกิ้น”  ให้มากขึ้น

Q :  ซิงเกิลต่อไปคาดว่าจะเป็นแนวไหน?

บิวกิ้น : จริง ๆ ผมว่ามันก็ยังอยู่ในกรอบของความเป็นโซลนี่แหละครับ เพราะว่าจริง ๆ เราเริ่มต้นตรงนี้แล้ว และผมคิดว่าน่าจะดึงองค์ประกอบอะไรหลายอย่างมาใส่ในเพลงถัดไป ซึ่งเพลงต่อไปก็จะมีความเป็นโซล รอติดตามนะครับ (ยิ้ม) ผลงานต่อไปเดี๋ยวก็จะมีเพลงใหม่ ๆ  ซึ่งจริง ๆ ความเป็นโซลจะมีเรนจ์ (Range) ที่กว้างมาก เพลงเร็ว เพลงช้า เพลงช้าที่มีจังหวะ มันยังมีที่ให้เราได้ลองสำรวจอีกเยอะมาก ๆ ครับ  

Q :  มีเพลงแนวไหนที่รู้สึกว่าไม่ถนัดและยังไม่เคยลองอีกบ้าง?

บิวกิ้น : เดี๋ยวคิดว่ามีอีก เดี๋ยวลองสำรวจความยากในมุมต่าง ๆ แต่ว่ามันก็ยังอยู่ในกรอบของความเป็นโซลนะครับ

Q :  ถ้าเลือกได้ เพลงต่อไปอยากเลือกใครมาฟีทเจอริ่งด้วย?

บิวกิ้น : ถ้าเลือกได้ก็อยากฟีทเจอริ่งกับ ‘บรูโน มาร์ส’ ครับ เพราะว่าชอบเพลงอัลบั้มใหม่เขามากเลย ที่ทำกับ ‘แอนเดอร์สัน พาค’ ในนาม  ‘ซิลค์ โซนิค (Silk Sonic)’ จริง ๆ ร่วมงานทั้งคู่เลยก็ได้นะครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมารึเปล่าล่ะสิ (ยิ้ม) แต่ก็อยากฟีทเจอริ่งกับเขา อย่างอัลบั้มล่าสุดเขาทำโซล ที่ไม่ได้เป็นแนวโมเดิร์นโซล มีความเป็นโมทาวน์ แต่ว่าเขาแล้วเรียบเรียงให้มันไม่ได้ดูแบบเก๊าเก่า มันมีวิธีการเล่นแล้วร่วมสมัย เก่งตรงที่เอาของเก่ามาทำ โดยใช้วัตถุดิบเก่ามาทำ แล้วมันไม่เก่าครับ ผมว่าเขาเก๋ามาก

Q :  มองอนาคตภาพตัวเองในฐานะศิลปินยังไง?

บิวกิ้น : ผมว่าเราคงพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งการเป็นศิลปิน การทำเพลง ทำเพลงใหม่ ๆ หามุมใหม่ ๆ ทดลองไปเรื่อย ๆ โตไปเรื่อย ๆ รวมถึงงานแสดงด้วย เรายังรู้สึกว่าเรายังประสบการณ์น้อย เราอยากเป็นคนที่เก่งขึ้น เป็นคนที่ได้ลองทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น ได้ไปขึ้นคอนเสิร์ต ได้ทำเพลงกับคนที่เก่งครับ  

Q :  รู้สึกยังไงที่ผลงานของตัวเองติดชาร์ตฮิตมาโดยตลอด?

บิวกิ้น : จริง ๆ ดีใจนะ ถ้าพูดตรง ๆ เราเริ่มจากในฐานะเป็นนักแสดง วันนึงเราเล่นซีรีส์และมีโอกาสได้ข้ามมาทำงานอีกพาร์ทนึง ที่เรารักและมีแพสชั่นกับมันเหมือนกัน คือการทำเพลง แล้วเราไม่แน่ใจว่าการทำเพลงของเรา จะได้รับการยอมรับจากคนที่ฟังเพลงรึเปล่า แต่พอเราติดชาร์ต ประสบความสำเร็จ เรารู้สึกว่ามีคนให้คุณค่ากับเรา มีคนเชื่อในสิ่งที่เราทำจริง ๆ ก็มีความสุขและผมว่านอกจากตัวเราที่มีโอกาสได้มอบความสุขให้กับคนอื่น มันกลับเป็นความสุขที่เราได้รับกลับคืนมา และมันทำให้เราอยากทำแบบนี้ต่อ อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ

Q :  เพลงโหมดไหน ที่ฟังบ่อยที่สุดในตอนนี้?

บิวกิ้น : น่าจะเป็นเพลง ‘ไอ ไม่ โอ’ นี่แหละครับ บ่อยที่สุดแล้วครับ รองลงมาก็น่าจะเป็น ‘อิทส์ โอเค น็อท ทู บี ออลไรท์(It’s Okay Not To Be Alright)’ ประมาณนี้ครับ (ยิ้ม)

เรื่องราวที่สวยงาม กับ “พีพี” ที่ถูกยกให้เป็นคนในครอบครัว คอยเคียงข้างทุกข์สุข

Q :  “พีพี” ให้กำลังใจอะไร หรืออยากขอบคุณอะไรอีกฝ่ายบ้าง ที่ช่วยโปรโมตงานเพลงนี้ให้เราตลอด?

บิวกิ้น : จริง ๆ พีพีก็ให้กำลังใจตลอด ผมกับพีพีเราให้กำลังใจและซัพพอร์ตกันตลอด วันที่ผมก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินครั้งแรก ร้องเพลงแรก พีพีก็เป็นคนที่อยู่ข้างหลังและซัพพอร์ตผมตลอด วันนึงพีพีออกเพลง ‘ห่มผ้า’ เพลงเดี่ยวแรก เราก็แฮปปี้และภูมิใจในตัวเขามาตลอด เหมือนเราเรียนรู้และเติบโต และเราสนับสนุนกันไปด้วยกัน ผมขอบคุณพีพีที่อยู่ด้วยกันและร่วมทุกข์สุข เดินทางเรียนรู้กันมาตลอด ขอบคุณที่ช่วยโปรโมตเพลงนี้ เขาทำอยู่แล้วล่ะ เพราเราเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

Q :  แฟน ๆ จะมีโอกาสได้เห็น “พีพี” ร้องเพลงกับ “บิวกิ้น” อีกบ้างมั้ย?

บิวกิ้น : ผมว่ามีนะในอนาคต แต่จริง ๆ ช่วงนี้เราก็แยกกันทำ พีพีเขาก็จะไปทำเพลงของเขาในฐานะเป็นศิลปินเดี่ยว ผมก็ทำเพลงของผมในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ว่าเราก็ยังรับงานด้วยกัน ร้องเพลงด้วยกัน อย่างร้องเพลงในอีเวนต์ก็อาจมีโอกาสได้เห็นบ้าง แต่ถ้าทำเพลงใหม่ ผมคิดว่าก็ยังมีโอกาสนะ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตจะมีโปรเจ็ค หรือมีอะไรที่ให้เราทำด้วยกันมากกว่า มีโอกาสแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

Q :  เล่าถึงภาพจุ๊บแก้ม “พีพี” ที่ทำทวิตเตอร์แตก ในวันที่เราไปเป็นแอดมิน “นาดาว มิวสิค” หน่อย?

บิวกิ้น : วันนั้นมันก็เป็นงานโปรโมตของนาดาว มิวสิค ที่ให้ผมเป็นแอดมินทวิตเตอร์ และผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่นทิวเตอร์และเล่นไม่ค่อยเป็น  เลยเหมือนตะกุกตะกักบ้าง แล้วพีพีเขาก็น่ารัก มาช่วยเราโปรโมตเพลง และช่วงที่เขามาพิมพ์ตอบตอนที่เราเรียนเต้นอยู่ ก็เลยไม่เห็น และเขาเห็นเราไม่ตอบ ก็เลยอารมณ์ไหนไม่รู้ ก็เลยปล่อยรูปนั้นออกมา ซึ่งจริง ๆ รูปนั้นเป็นรูปที่พีพีบอกผมมาจุ๊บแก้มเขาหน่อย จะถ่ายให้พี่คนนึงที่เขาชอบจิ้น ๆ ให้อยู่ด้วยกันครับ มันเหมือนพีพีเอารูปนั้นมาโพสต์แกล้ง กลายเป็นไวรัลใหญ่เลย (ยิ้ม)

Q :  พูดถึงอาการป่วยนิ่วในต่อมทอนซิลของ “พีพี” ที่จะผ่าตัดในวันที่ 23 ก.ย. นี้หน่อย ให้กำลังใจเขายังไงบ้าง?

บิวกิ้น : ผมก็เห็นเขาพูดมาสักพักนึงแล้วว่าเขามีปัญหาเวลาร้องเพลง เขาเป็นนิ่วในทอนซิล เขาพูดปกติได้ แต่เวลาร้องเพลงที่ต้องบีบเส้นเสียงเยอะ ๆ เขาก็จะเจ็บคอ ผมก็บอกให้เขาสู้ ๆ จะรอวันที่เขากลับมาร้องเพลงบนเวทีอีกครั้ง วันที่เขามาทำเพลงใหม่ เขาก็ยังดี๊ด๊าอยู่ เป็นปกติ ไม่รู้จะให้กำลังใจยังไง (ยิ้ม) ไม่เห็นต้องการกำลังใจอะไร ดูหน้าตาก็ยังแฮปปี้ มีความสุขอยู่นะ

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและเส้นทางความสำเร็จ

Q :  รู้สึกยังไงกับการได้รับรางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม”  เมื่อเร็ว ๆ นี้?

บิวกิ้น : โอ้โห! ผมว่ามันอธิบายไม่ถูก มันเร็วมากเลยนะ จากกการที่เราเป็นนักแสดงตัวเล็ก ๆ อยู่ที่นาดาว และวันนึงเรามีโอกาสได้เล่น ‘รักฉุดใจ รักฉุกเฉิน’ เป็นนักแสดงสมทบ และเราก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีและใหญ่ และเราก็สนุกกับมันมาก ๆ แล้ว และเต็มที่กับมัน และเราก็ไม่คิดว่าหลังจากจบรักฉุดใจฯ เราจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ มีโอกาสได้มีชื่อเสียงมากขึ้นและประสบความสำเร็จมากขึ้น และมันก็ยังไม่พอ  มันก็ยังมาอักก๊อกนึง ที่เราได้มีโอกาสมาเล่น ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’ ที่พาเรามาไกลกว่าเดิมอีกมาก ซึ่งจุดแรกก็เหมือนไกลกว่าที่เราคิดมากแล้ว จุดที่สองคือไกลแบบไม่เคยคิดฝันว่าจะมาถึงจุดนี้ เล่นเป็นนักแสดงสมทบเรื่องนึง เล่นเป็นนักแสดงนำเรื่องนึง และมีโอกาสได้รับรางวัลนักแสดงนำชายของทั้งเวทีคมชัดลึก อวอร์ด และเวทีนาฏราช มันเกินฝันมาก เราไม่เคยคิดเลย ถ้าย้อนไปปีที่แล้วหรือสองปีที่แล้ว เราก็ยังไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสได้ ในวันที่เราทำ เราแค่รู้สึกว่าเราเต็มที่กับมัน และเราอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด เราไม่อยากทำให้พี่ ๆ ผู้ใหญ่ หรือทุกคนที่เชื่อว่าเราจะทำได้ รับผิดชอบสิ่งนี้ได้ ต้องผิดหวัง และเราก็ไม่อยากมาเสียดายทีหลังว่าเราไม่ได้เต็มที่กับมัน และผมรู้สึกว่าความเต็มที่ของเราก็ไม่เสียเปล่า พอจบมาก็รู้สึกเราก็ได้รับการตอบแทนจากสังคม จากแฟน ๆ ทุกคน จากสิ่งต่าง ๆ อย่างมากมาย มันดีมากเลยที่เรามีโอกาสได้มาทำสิ่งนี้ เต็มที่กับมัน แล้วอาจเป็นเรื่องของจังหวะด้วย หลัก ๆ ผมดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวผม และเชื่อว่าผมจะทำสิ่งนี้ได้มากกว่า และเราก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เราจะตอบแทนเขาด้วยการทำอย่างเต็มที่ และรางวัลมันก็เหมือนเป็นโบนัสของเราครับ

Q :  ความสำเร็จของซีรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ครั้งนี้ เรามีอะไรจะบอกทั้ง “พีพี” ทีมงาน และแฟนคลับบ้าง?

บิวกิ้น : กับพีพีจริง ๆ เราก็คุยและบอกกันตลอด สำหรับพีพีผมว่ามันไม่ใช่แค่ซีรี่ส์แปลรักฯ ตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา เราเข้ามาสู่การทำสิ่งนี้ด้วยกัน เราค่อย ๆ ก้าวหน้าในการทำงานตรงนี้ด้วยกัน เราค่อย ๆ เติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน เราเดินทางไปพร้อม ๆ กันตลอด ไม่มีใครทิ้งใคร หนึ่งคือเราไม่ได้ทิ้งกัน สองคือจังหวะต่าง ๆ มันทำให้เราได้เดินทางร่วมกันมาตลอด ผมว่ามันพิเศษมาก ขอบคุณพีพีที่ยังอยู่ด้วยกัน และเป็นกำลังใจ เป็นคนในครอบครัวที่เราซัพพอร์ตกันมาตลอด ถ้าไม่มีพีพีผมคงไม่สามารถเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนี้

ขอบคุณทีมงานแปลรักฯ ที่เต็มที่ และทุกคนทำงานด้วยความรู้สึกที่อยากให้มันออกมาดีที่สุด และผมเชื่อว่าทีมงานแปลรักฯ จบงานมาแล้ว ทุกคนภูมิใจที่เราได้ทำมันออกมาได้ดีที่สุด ผมขอบคุณทุกคนจริง ๆ และผมเชื่อว่าทุกรางวัลเป็นของทีมงานทุกคน ผมเป็นเหมือนนักแสดงเบื้องหน้า เป็นปลายทางของการทำงาน แต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง  ตั้งแต่บทยาวมาจนถึงคนที่ทำรายละเอียดของซีรี่ส์นี้ ผมว่าทุกคนคือองค์ประกอบที่สำคัญ ที่ทำให้สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด หรือแม้แต่การแสดงของผมที่ออกมาดี ผมว่าทุกอย่างมันมีผลหมดนะ ก็ขอบคุณทุกคน ผมว่าทุกรางวัลคือความสำเร็จของทุกคน และสำหรับแฟนคลับ ผมขอบคุณที่จริง ๆ ผมเป็นคนโชคดีนะ ในมุมของแฟนคลับ เราเกิดมาเราไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาชื่นชอบในตัวเรา มาเชื่อและให้คุณค่ากับตัวเรา มารักในในสิ่งที่เราเป็น มารักในสิ่งที่เราทำ ผมโชคดีมากที่มีคนมายกย่องชื่นชมสิ่งนั้น ๆ ขอบคุณที่ทุกคนให้คุณค่ากับสิ่งที่เรากำลังทำ กำลังเป็น และผมจะเต็มที่ จะเป็นความสุขและสร้างความสุขให้กับทุกคนต่อไป และผมอยากจะบอกว่า ทุกคนก็เป็นความสุขของผมที่ขับเคลื่อนผลักดันให้ผมทำงานและเดินต่อไปข้างหน้าต่อเหมือนกัน ผมเชื่อว่าทุกคนซัพพอร์ตด้วยความรู้สึกที่ดี ด้วยความรักทั้งนั้น ผมก็รักแฟนคลับทุกคนเหมือนกัน ถ้าเราทำอะไรให้ได้ เราช่วยอะไรให้ได้ก็จะเต็มที่ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาและในอนาคตเราก็จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กันและกันตลอดครับ

นิยามความเป็น “บิวกิ้น”

Q :  ถ้าให้นิยามความเป็น “บิวกิ้น” จะนิยามว่ายังไง?

บิวกิ้น : ผมว่าผมเป็นคนจริงจังมั้ง ไม่รู้ว่าเรียกว่าจริงจังรึเปล่า มันเหมือนเวลาเราทำอะไรไม่สำเร็จ เราจะติดอยู่ในใจ เป็นคนจริงจัง ชอบเอาชนะตัวเองนิดนึง ชอบความท้าทาย ชอบเห็นพัฒนาการของตัวเอง ชอบทำให้สำเร็จครับ

Q :  ในชีวิตช่วงนี้มีเหตุการณ์อะไรที่เรารู้สึก “I ไม่ O” บ้างมั้ย และมีวิธีการจัดการกับความรู้สึกยังไง?

บิวกิ้น : ช่วงนี้ก็คงไม่โอกับความยุ่งมั้ง หมายถึงผมว่าพอเราทำหลายอย่าง จริง ๆ เราก็บริหารเวลาให้ดีที่สุดแล้วนะ เราก็เห็นแล้วแหละว่า ณ เวลานี้ กับสิ่งที่เราแบกรับอยู่ แบบนี้คือการบริหารที่ดีที่สุดแล้วกับสิ่งที่เราต้องทำ แต่มันอาจเหนื่อยไปนิดนึง แต่ผมว่าอาจเป็นจังหวะชีวิตด้วย ในมุมที่ว่าทุกอย่างมันเป็นโอกาสที่มันมาช่วงนี้ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน ทั้งการทำธุรกิจ มันเป็นอะไรที่เราจำเป็นต้องทำทั้งหมด และมันก็สำคัญทั้งหมด นี่คือการบริหารที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็สนุกดี อาจไม่โอกับการนอนน้อยนิดนึง แต่ก็โอเคครับ

Q :  ถามถึงเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าใกล้จบแล้ว?

บิวกิ้น : ก็จบสิ้นปีนี้แล้วครับ เทอมนี้เทอมสุดท้ายแล้ว ก็จบ 3 ปีครึ่ง ก็อัดมาตลอดแน่น ๆ ที่ผ่านมา เทอมนี้ก็จะจบจริง ๆ  ส่วนรับปริญญา อีกนานครับ รอเขาประกาศว่ายังไง เพราะของปีก่อนยังไม่ได้รับเลย (ยิ้ม) ก็อีกพักนึง

Q :  เห็นว่าเริ่มทำธุรกิจอาหารเสริม เกี่ยวกับการบำรุงสมอง ทำไมเลือกทำเกี่ยวกับสิ่งนี้?

บิวกิ้น : เวลาเราจะทำอะไร ต้องไปดูก่อนว่าตัวเองมีคาแรกเตอร์ยังไง จริง ๆ แล้วพอเราย้อนมาดูตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจริงจัง ตั้งใจทำงานจริง เลยรู้สึกเราอยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับความคิด ทัศนคติ เกี่ยวกับสมองและอะไรที่มันเป็นเมนทอล (Mental) เลยได้ไอเดียนี้มา และผมรู้สึกว่าเวลาให้ของขวัญกับใคร เราไม่อยากให้ประโยชน์ในระยะสั้น ผมรู้สึกว่าอาหารเสริมคือการสร้างรากฐานในการที่เราพัฒนาสุขภาพของเราในระยะยาว เหมือนเป็นการลงทุนกับสุขภาพของเรา เลยชอบคอนเซปต์นี้ ว่าเราห่วงใครก็อยากสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับเขาจริง ๆ ครับ

Q :  อยากรู้ว่าถ้าไม่ตอบคำว่า “อิอิ” จะตอบคำว่าอะไร?

บิวกิ้น : ก็จะตอบว่า ‘ครับ’ เพราะเหมือนสื่อสารกับเขาว่าเราเห็นแล้วนะ เราไม่ได้มีปัญหาอะไร (ยิ้ม)

Q :  จากรูปที่ลงไอจีไป แคปชั่น “จูบุ๊ จูบิ๊ อิอิ” มีความหมายทางไหน?

บิวกิ้น : จริง ๆ ไม่มีความหมายอะไรเลยครับ มันเป็นแค่แอบสแตรกต์ เรารู้สึกอะไรก็พิมพ์ไป เพ้อเจ้ออะไรก็ว่าไป ไม่ได้มีความหมายขนาดนั้น ผมว่าพีพีก็พอกันนะ ถ้ามีอะไรแบบนี้ อย่าไปคาดหวังเหตุผลเยอะ บางทีมันเป็นอีโมชั่นนอล (ยิ้ม) แต่นาน ๆ ทีนะ ของผมเป็นเหตุผลมากกว่า ส่วนใหญ่

การเติบโตและอนาคต

Q :  ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการมา ได้เห็นการเติบโตของตัวองยังไงบ้าง?        

บิวกิ้น : ผมว่าก็เห็นตลอดนะ มันเป็นเพราะผมมีการเดินทางที่เร็วสำหรับผมนะ  เราเริ่มทำงานในวงการจนมาถึงจุดนี้ ผมว่ามันขึ้นมาเร็วมาก มันเลยทำให้เราเห็นความต่างแต่ละจุดของการเดินทางชัด ตั้งแต่ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย จนเรามาเริ่มได้ทำงานโฆษณาบ้างประปราย เป็นพิธีกรบ้าง หรือว่าได้ข้ามมาเล่นรักฉุดใจฯ ประสบความสำเร็จ ต่อยอดให้เรามีงานต่อ ต่อยอดให้เราได้ร้องเพลง มาทำแปลรักฯ ทำให้ร้องเพลงเสริมความเป็นศิลปินและนักแสดง ต่อมาที่แปลรักฯ พาร์ท 2 ที่นำให้เราได้ไปขึ้นคอนเสิร์ตที่อิมแพค จนมีแฟนคลับต่างประเทศ  ผมว่ามันก็จะมีความก้าวหน้าของมัน พอเราพูดถึงประเด็นไหน ก็จะเห็นว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน และมันค่อย ๆ พัฒนามายังไง สำหรับผมมันเกินกว่าที่คิดไว้มาก พัฒนาการและการเดินทางที่ผ่านมา เมื่อมองย้อนไปมันวิเศษ และไม่เคยคิดว่าเราจะมีโอกาสแบบนี้ ก็ขอบคุณทุกครับ

Q :  ระหว่างนักแสดงและนักร้อง ชอบพาร์ทไหนของตัวเองมากที่สุด และอนาคตอยากลองทำอะไรในวงการบันเทิงอีกบ้าง?

บิวกิ้น : การเป็นนักแสดงและนักร้องมีความสนุกคนละแบบเลย การเป็นแสดงคือความสนุกที่เราได้ไปเล่นบทที่เราเชื่อ เราชอบและรู้สึกท้าทาย และเราอยากจะเป็นมันให้ได้ อยากเชื่อมันให้ได้มากที่สุด แต่การทำเพลงมันคือการที่เราเอาอะไรที่เป็นตัวเรา เราจะนำเสนอ เราจะเล่าเรื่องอะไรผ่านมุมมองของเรายังไง มันคือการเป็นตัวเอง การแสดงคือการที่เราไปเป็นคนอื่น แต่ทั้งสองอย่างคือการเล่าเรื่อง คือการสื่อสารเหมือนกัน แต่วิธีการไม่เหมือนกัน มันมีความสนุกคนละแบบ ส่วนอนาคตอยากลองทำอะไรในวงการบันเทิงอีกบ้าง ผมว่าถ้าอยากลองทำอะไร เราก็คงอยากลองทำไปเรื่อย ๆ อะไรที่มันใหม่ในเวลานั้น เราอยากทำก็ทำ เราไม่อยากทำก็เลิก ทุกอย่างมันขับเคลื่อนด้วยความสุขและแพสชั่น ถ้าเรามีแพสชั่นเราทำอะไรก็ได้ครับ

Q :  ในอีก 5 ปีคิดว่าตัวเองจะทำอะไร และยังทำการแสดงและงานเพลงอีกอยู่รึเปล่า?

บิวกิ้น : อีก 5 ปีผมน่าจะทำนะ อย่างงานแสดงผมน่าจะทำเฉพาะงานที่ผมรู้สึกว่าผมอิน คือสำหรับงานแสดง ผมรู้สึกว่ามันคือความเชื่อเลย ถ้าเราอ่านบท  ไปเจอผู้กำกับแล้วเราไม่เชื่อ เราจะไม่มีทางทำมันออกมาด้วยจิตวิญญาณ ผมว่าสิ่งสำคัญคือเราต้องเชื่องาน ๆ นั้นก่อน และถ้าเราเชื่อเราจะอยากทำ แล้วเราจะทำมันออกมาให้ดีเอง สำหรับงานแสดงนะ ตราบใดที่เราเจองานที่ดี เราก็ยังทำได้เรื่อย ๆ ส่วนงานเพลงผมคิดว่าเราจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ นะ ทำเพลงใหม่ ๆ ผมว่าในอีก 5 ปี ผมยังไม่หมดมุกหรอก ผมยังมีเพลงให้ทำ มีแนวให้ทำอีกเยอะ คิดว่าถ้ายังอยากสนุกและพัฒนาตัวเองในด้านนี้อยู่ ก็ยังคงทำต่อ และก็มีแพลนอาจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ยังดู ๆ อยู่เลยนะครับ ยังไม่ได้วางแผนชัดเจนว่าจะไปเรียนตอนไหน ทั้งคณะหรือประเทศ แต่คิดว่าน่าจะต้องไปในวันใดวันนึง คือวันนี้เรายังมีโอกาสที่ดี ยังสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่ แต่เราก็อยากเรียนต่อปริญญาโท อยากไปหาความรู้ในอีกมุมนึงด้วย ก็อาจเรียนจบแล้วก็อาจสักอีก 2-3 ปี สำหรับวันนี้นะ แต่ในอนาคตก็อาจเปลี่ยนใจแล้ว (ยิ้ม) หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ผมไปเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ผมว่าหลัก ๆ เราอยากมีความสุขกับสิ่งที่เราทำมากกว่า ทุกอย่างในชีวิตเรามันขับเคลื่อนด้วยแพสชั่น อีก 5 ปีเราก็อยากเชื่อว่าเรายังขับเคลื่อนชีวิตของเราด้วยความสุขอยู่ ความสุขของเรามันคือสิ่งที่นำการกระทำของเรา และอาจทำธุรกิจนั่นนี่ไปด้วย

แรงผลักดัน และความผูกพันกับแฟนคลับ

Q :  พูดถึงแรงผลักดันจากแฟนคลับ “บิวกิ้น” คิดว่ามันสำคัญและส่งผลต่อตัวเรามากน้อยแค่ไหน?

บิวกิ้น : ผมว่าสำคัญมากนะ แฟนคลับทุกคนของผม ผมรู้สึกว่าทุกคนมาซัพพอร์ตเราด้วยความรู้สึกที่เขารักเราจริง ๆ และทุกอย่างมันถูกแสดงออกมาผ่านทุกการกระทำที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปั่นวิว การโหวต หรือแม้เขาเสพย์งานเราแล้วชื่นชอบเรา ผมว่านี่เป็นความรักที่เขามอบให้เราแล้ว ทุกอย่างทั้งหมดมันถูกขับเคลื่อนมาแหล่งเดียวกัน นั่นคือความรู้สึกที่ดีต่อตัวเรา การชื่นชอบ ซึ่งผมโชคดีที่มีโอกาสได้มีคนรักเรา ชื่นชอบในสิ่งที่เราทำและเป็นมากขนาดนี้ครับ ก็ส่งผลมากนะ เพราะมันเหมือนมีคนรอดูงานที่เราทำ เชื่อในสิ่งที่เราเป็น ผมอยากพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก อยากเก่งขึ้นไปอีก อยากจะทำอะไรที่มันดี ๆ ขึ้นไปอีก ให้กับกลุ่มที่เขาคาดหวังกับตัวเรา สำหรับตัวผมพวกเขาสำคัญมากและผมก็ให้คุณค่ากับพวกเขามาก ๆ เหมือนกันครับ.

จากการพูดคุย ต้องบอกว่าไม่แปลกใจที่ “บิวกิ้น” จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากเขาจะโชคดีที่มีแฟน ๆ รักมากมาย รวมทั้งมีคู่พาร์ทเนอร์ที่ดีมาก อย่าง “พีพี” ที่คอยซัพพอร์ตแล้ว หนุ่มคนนี้ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่หยุดพัฒนา และรักในสิ่งที่ทำจริง ๆ

ภาพ : Nadao Bangkok, IG : bbillkin , IG : pp.kritt