เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. ว่าที่ร้อยตรี อากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1 และ พ.ต.ท.อานนท์ ประดิษฐ์แสง รอง ผกก.(สอบสวน) หน.ชปส. ภ.จว.ยะลา ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ทลายเครือข่ายยานรก แจ็ค สามหมอ” หลังนำกำลังปิดล้อม ตรวจค้น 6 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และอีก 1 จุดใน จ.ยะลา

จากปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุม นายเจริญ รัตนวรรณ หรือ แจ็ค สามหมอ อายุ 32 ปี หัวหน้าแก๊ง พร้อมพวกรวม 8 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดยะลา ข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันสมคบฟอกเงิน พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า 80,000 เม็ด อาวุธปืน 9 กระบอก แบ่งเป็น อาวุธปืนสั้น 5 กระบอก, อาวุธปืนลูกซองยาว 2 กระบอก, อาวุธปืนยาว ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนกลมือ หรือ อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 262 นัด โทรศัพท์ 12 เครื่อง สมุดบัญชี 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ Server กล้องวงจรปิด สีดำ 1 เครื่อง โน้ตบุ๊ก ยี่ห้อ Lenovo สีดำ 1 เครื่องหนังสือเดินทาง 1 เล่ม รวมถึงตรวจยึด-อายัดทรัพย์สิน ไว้ทำการตรวจสอบ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด 4 รายการ ได้แก่ อพาร์ตเมนต์ 1 อาคาร อู่ซ่อมรถ โชคเจริญทรัพย์สิน พร้อมอุปกรณ์ซ่อมรถ จำนวน 1 แห่ง รถยนต์ จำนวน 27 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวมมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2566 ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้จับกุมสองผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนสงครามและยาบ้า 32,032 เม็ด ในพื้นที่ จ.ยะลา ก่อนขยายผลจนทราบว่ายาบ้าทั้งหมดนี้ ได้สั่งซื้อต่อมาจาก นายเจริญ หรือ แจ็ค สามหมอ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ที่ลักลอบนำยาเสพติดส่งต่อไปยังลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ จึงแกะรอยสืบสวนเรื่อยมา

พ.ต.อ.พงษ์ปณต กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายของนายเจริญ มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน อาทิ นายเจริญ หรือ แจ็ค สามหมอ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าระดับผู้สั่งการและเป็นเจ้าของยาบ้าของกลาง โดยมีกลุ่มลูกสมุนคอยทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินค่ายาเสพติดและโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงจัดส่งยาเสพติดซุกซ่อนในกล่องพัสดุส่งผ่านบริษัทขนส่ง และคนทำหน้าที่รับพัสดุ ซึ่งมียาบ้าซุกซ่อนอยู่และส่งพัสดุต่อให้กลุ่มลูกค้า

“จากการสืบสวนยังทราบว่าปัจจุบัน นายเจริญ กับพวกนั้น ปัจจุบันได้ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยประกอบธุรกิจอพาร์ตเมนต์, อู่แต่งรถซิ่ง และคาเฟ่กัญชาบังหน้า เลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และเพื่อใช้เป็นสถานที่พักแรมของกลุ่มเครือข่าย โดยเงินที่นำไปลงทุนประกอบธุรกิจนั้น ก็เป็นเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด นอกจากนี้ ยังได้ซื้อรถยนต์ที่ผิดกฎหมายแล้วนำมาสวมซาก จากนั้นก็ขายต่อให้กับลูกค้าโดยทั่วไป รวมถึงยังพบว่ามีการเช่าห้องพักคอนโดน แห่งหนึ่งบริเวณใกล้เคียง ไว้เป็นสถานที่หลบซ่อน หรือที่เก็บสต๊อกยาเสพติดเพื่อรอจำหน่ายหรือส่งต่อให้ลูกค้าอีกทอดหนึ่ง โดยมีการกระทำในลักษณะนี้มานานหลายปี จนกลุ่มเครือข่ายนี้มีทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด และกระทำความผิดทุกรูปแบบในจำนวนมาก ซึ่งชื่อของผู้ครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ก็เป็นชื่อของบุคคลใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และเพื่อเป็นการป้องปรามและกวาดล้างขบวนการยาเสพติดให้หมดไป ทางตำรวจกองปราบฯ จึงประสานข้อมูลร่วมกับทางตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ก่อนร่วมกันกระจายกำลังลงพื้นที่เปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ จนนำมาซึ่งการจับกุมตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าว” ผกก.6 บก.ป. กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.อนุสรณ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย เบื้องต้นให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป