เป็นอีกหนึ่งคุณหมอชื่อดัง ที่เลือกออกมาเปิดเผยประสบการณ์การป่วยเป็นมะเร็งของตนเอง จนชาวเน็ตต่างส่งกำลังใจให้อย่างล้นหลามอยู่ในขณะนี้ สำหรับ นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู

โดยหลังจากที่คุณหมอสมรส เคยออกมาเปิดเผยถึงการป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. คุณหมอได้โพสต์แชร์อุทาหรณ์จากการป่วยของตนเอง โดยระบุว่า “ระวังกินยาเม็ดแล้วยาติดคอ จนเป็นแผลในหลอดอาหาร (pill-induced esophagitis) แบบผมในรูปนะครับ มันทรมานมาก” ผมถึงพอเข้าใจน้องที่กลืนกรด TCA ไป น้องน่าจะเป็นแผลเยอะกว่าผมหลายเท่า

ผมกินยาเม็ดไอโอดีน 131 ซึ่งเป็นแร่กัมมันตรังสี แผ่อนุภาคแกมม่าออกมาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง เป็นแคปซูลขนาดปกติ 1 เม็ด ใส่อยู่ในกล่องตะกั่วหนักประมาณ 10 กิโลกรัม แต่ดวงตัวเองมักเป็นเคสหายากให้เรียนรู้ กินแล้วยาไปติดอยู่ที่ตำแหน่งหลอดอาหารกลางอก 30 เซนติเมตรจากฟัน เลยเป็นแผลพุพองรอบๆ หลอดอาหาร และมีเลือดออกชัดเจนเป็นลักษณะแผลแบบจูบกัน (kissing ulcer คิสซิ่ง อัลเซอร์)

อาการคือเจ็บแน่นหน้าอกมาก ทุกครั้งที่กลืนอะไรลงไปหรือแค่เรอลมขึ้นมา จะเจ็บแน่นทรมาน นอนราบไม่ได้ ต้องนอนตะแคง พูดไม่ได้เพราะเจ็บแน่น ไม่อยากคุยกับใครเลย หลายๆ ครั้งอาการอาจแยกยากกับโรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคปอด ถ้าผมไม่ใช่หมอเองก็น่าจะต้องไป รพ. ตรวจหัวใจตรวจปอดวุ่นวายพอควร

ยาที่มักไปติดแล้วทำให้เกิดแผลแบบนี้ เช่น ยาฆ่าเชื้อ doxycycline, tetracyclin, clindamycin, amoxicillin, metronidazole, ciprofloxacin, azithromycin, ยาแก้ปวด NSIADs, ibuprofen, naproxen, bisphosphonates alendronate ที่ใช้รักษากระดูกพรุน, เหล็ก, ยาซึมเศร้าบางตัว ไปเช็กยาตัวเองหรือญาติๆ นะครับ ว่ามีทานยาพวกนี้อยู่มั้ย จะได้ระวังๆ กัน

วิธีป้องกัน หลังกินยาห้ามนอนทันที ควรยืนประมาณ 5 นาทีเพื่อให้แน่ใจว่ายาลงไปในกระเพาะอาหารแล้ว ยิ่งกินยาหลังอาหารหรือคนที่เป็น GERD กรดไหลย้อน ก็มีโอกาสติดได้มากขึ้น เน้นเลยนะครับว่าห้ามนอนทันที! ซึ่งของผม ไม่ได้นอนเลย ยืนอยู่ด้วยซ้ำ กรดไหลย้อนก็ไม่ได้เป็น แจ๊กพอตอีกแล้ว

ตัวผมเองตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นแผล แต่มีอาการคือกินอะไรไม่ได้หลายวัน น้ำหนักลดเยอะ โทรมมาก แต่ร่างกายจำเป็นต้องได้สารอาหาร ตอนนั้นกินได้แค่เวย์โปรตีนทางการแพทย์ ช่วงป่วยแบบนี้ ปริมาณโปรตีนที่ควรทาน “อย่างน้อย” 1-2 gm/kg/day เช่น ถ้าผมหนัก 70 kg ผมควรได้ 70-140 gm/day ซึ่งยี่ห้อที่ผมทาน ใน 1 ซองหรือ 3 scoops จะมี 21 gm ดังนั้นควรกิน 4-7 ซองต่อวัน เพื่อให้เพียงพอกับการซ่อมแซมร่างกายด้วย ผมก็ต้องฝืนกินช้าๆ กินแบบเย็นๆเพื่อลดอาการปวดแผลลง แล้วก็กินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดไม่ได้เลย เพราะแสบ ร้อน จุกแน่นหน้าอกมาก เครื่องเทศ พริกไทยนิดเดียวก็กินไม่ได้

โทรไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอเฉพาะทางทางเดินอาหาร ได้ยามาชุดใหญ่ กินยาไปอาการค่อยๆ ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ จนเริ่มคุยกับคนอื่นได้บ้าง กินได้มากขึ้น ดีขึ้น 80% แต่ก็ยังเจ็บปวดแน่นกลางอกทุกครั้งที่กลืน
นี่พึ่งไปตรวจทางเดินอาหารมา หลังคุยกับพี่เอ็ม พี่สุเทพ ตอนสามทุ่มเสร็จ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปส่องกล้องเลย แล้วก็เป็นภาพหลอดอาหารผมเองดังรูป จะได้รู้ว่าเป็นอะไรจริงๆ ดวงแบบนี้ อนาคตไม่รู้จะเป็นหลอดอาหารตีบตันมั้ย?

ผมเองไม่มีประกันสุขภาพ เค้าไม่รับทำแล้ว ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ ทำไหว ต้องทำประกันสุขภาพครับ มันคุ้มค่ากว่ามาก ขนาดผมโชคดีที่เป็นหมอ มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เป็นหมอคอยปรึกษา ค่าส่องกล้องค่ายาก็หลักหลายหมื่น ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนทั่วไปต้องตรวจเยอะกว่านี้แน่ๆ ผมอยากทำตอนนี้ก็สายไปแล้วครับ..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Somros MD Phonglamai