เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเช่าหลังหนึ่งพื้นที่หมู่ 5 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังสืบสวนขยายผลทราบว่า นายนพพล อายุ 36 ปี หรือ “จิ๊บ ไผ่เขียว” ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม และนายนิกร อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับยังหลบหนีการจับกุม มาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่

พบว่าเป็นแบบทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว เนื้อที่ประมาณ 60 ตารางวา พบรถโตโยต้า สีบรอนซ์ จอดอยู่ ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน .38 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนแบบออโตเมติก 1 กระบอก อาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก ลูกระเบิด 2 ลูก อาวุธปืนอูซี่ 1 กระบอก ภายในบ้านโล่งมีฝุ่นอยู่เต็มบ้าน ไม่พบเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ห้องน้ำพบมีการต่อเติมเป็นห้องลับ มีการติดตั้งซิงค์ แบบห้องครัวปิดทึบทุกด้าน เจ้าหน้าที่จึงทำการทุบทำลายเพื่อตรวจค้นพบกล่องกระดาษ ถุงดำ พลาสติกมีกลิ่นยาเสพติดอยู่ ผ้าเทปพันสายไฟ แต่ไม่พบยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงทำการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบว่าภายในบ้านมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบบ้านทุกห้องจำนวนหลายตัว รวมถึงภายในห้องลับด้วย จากการตรวจสอบพบว่ากล้องวงจรปิดทุกตัวมีการถอดเมมโมรี่การ์ดออกไปแล้ว

เปิดปมสังหารผู้ช่วยนักข่าวท้องถิ่น ทะเลาะที่จอดหน้าร้าน ‘จิ๊บ ไผ่เขียว’

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลหลังจากที่มีการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยิงผู้ช่วยนักข่าวท้องถิ่นเสียชีวิต พบว่ามีการมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ จึงขอหมายศาลเข้ามาตรวจค้น จากการตรวจค้นภายในรถยนต์ พบอาวุธปืน ขนาด.38 และอาวุธปืนสงคราม พร้อมด้วยกระสุนปืนจำนวนมาก และลูกระเบิดอีก 2 ลูก โดยเฉพาะอาวุธปืนขนาด .38 ที่พบ ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันที่ใช้ในการก่อเหตุ เราจะตรวจสอบว่าใช่กระบอกเดียวกันหรือไม่

จากการตรวจค้นภายในบ้านพัก เรายังพบมีการทำเป็นห้องลับ พบกล่องกระดาษ วัสดุอุปกรณ์ในการแพ็กยาเสพติด จึงเชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด มีการเก็บและเตรียมอาวุธปืนอาวุธสงครามเอาไว้ จึงถือว่าเป็นบุคคลอันตราย โดยเฉพาะนายนิกร ที่ยังหลบหนีการจับกุมตัว มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน และน่าจะมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไล่ล่าติดตามตัวมาดำเนินคดี จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังหากการจับกุมตัวมีการต่อสู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ต้องหาด้วย

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลังก่อเหตุเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ได้เข้ามาเก็บของภายในบ้านใส่รถเพื่อเตรียมหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมตัวนายจิ๊บ มาก่อน ส่วนนายนิกร ไหวตัวทันหลบหนี ขณะที่นายจิ๊บ ทางญาติ ได้มีการยื่นประกันด้วยเงินสด 400,000 บาท ศาลให้ประกันตัว

ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า เคยเห็นว่าบ้านหลังนี้มีคนมาเช่าอยู่และเข้าออกช่วงเย็นและกลางคืนอยู่เป็นประจำ แต่ไม่มีใครเข้ามายุ่งหรือพูดคุยด้วย จึงไม่ทราบว่าเป็นใครมาเช่าบ้าน

สอบถามผู้ดูแลบ้านเช่าให้ข้อมูลว่า บ้านหลังนี้มีผู้หญิงเป็นผู้มาติดต่อเช่าเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ในราคาเดือนละ 6,000 บาท มีการจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำไฟปกติ ให้เช่าบ้านเราได้ให้สิทธิผู้เช่า จึงไม่ได้มาดูบ้านเลยว่ามาอาศัยอยู่ในบ้านกี่คน ประกอบอาชีพอะไร ส่วนใหญ่บ้านเช่าเราจะมาดูตอนขนของเข้าและย้ายออกเท่านั้น