เมื่อวันที่ 12 ม.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 สั่งการเจ้าหน้าที่ บก.สอท.5 นำหมายจับศาลอาญาที่ 59/2567 ลงวันที่ 5 ม.ค .67 จับกุมตัวนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ กรณีซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกลุ่มบุคคลที่มีการแสวงหาประโยชน์มิชอบ จากการซื้อ-ขาย ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นเป็นจำนวนมาก ผ่านกลุ่มโซเชียลมีเดียเฉพาะกลุ่ม (Dark Web) ให้กับ กลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน (แก๊ง Call Center และ เว็บพนัน) จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า นายเอ ประกอบอาชีพเป็นนายหน้าประกัน มีส่วนร่วมในการซื้อขายข้อมูลประชาชนจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว

ต่อมาจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจค้นจับกุมนายเอ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่เขตทุ่งครุ กทม. และตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่พบพยานหลักฐานในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ซื้อขายมาจากบุคคลอื่นโดยมิชอบ เพื่อนำมาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว

ด้านผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองประกอบอาชีพนายหน้าประกันของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รู้จักนายวีรทัศน์ (ผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ในความผิดเดียวกัน) โดยซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคลมาเพื่อใช้ในการดำเนินการติดต่อหาลูกค้ามาเพื่อทำประกันต่างๆ โดยจะรับซื้อขาย แลกเปลี่ยน ข้อมูลส่วนบุคคล ในราคารายชื่อละ 50 สตางค์ ถึง 75 สตางค์ ซึ่งแต่ละครั้งจะมีการซื้อขายข้อมูลหลักแสนรายชื่อ จากนั้นผู้ต้องหาจะนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เพื่อดำเนินการขายต่อข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วเพื่อรับกำไรส่วนต่าง หรือใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง โดยจะได้รายได้จากการขายข้อมูลต่อครั้งละ 20,000-40,000 บาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.