เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และ ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์สินรายสำคัญ 8 คดี ผู้ต้องหา 16 คน ของกลางยาบ้า 25 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,000 กก. ยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ 15 ล้านบาท

คดีแรก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พ.ค.66 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักของ “เครือข่ายนายจรัญ” สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ของกลาง ไอซ์ 36 กิโลกรัม พร้อมยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบได้กว่า 41 ล้านบาท จากนั้นได้ขยายผลพบเครือข่าย “หมูอ้วน” มีความเชื่อมโยงกับ “เครือข่ายนายจรัญ” จึงได้ติดตามพฤติการณ์พบว่า น.ส.คณาปภัส หรือ หมูอ้วน และ น.ส.อรัญญา ติดต่อสั่งยาบ้าจากผู้ค้าในประเทศเพื่อนบ้านให้ลำเลียงจากภาคเหนือมาส่งที่บ้านพักย่านปทุมธานี

กระทั่งกลางดึกวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ประกอบด้วย นายอนุพงษ์ จับกุมได้ขณะขับรถกระบะหมายเลขทะเบียนเชียงราย ซึ่งดัดแปลงตัวถังรถเพื่อซุกซ่อนยาบ้า 1,240,000 เม็ด มาส่งให้กับ น.ส.คณาปภัส และ น.ส.อรัญญา จับกุมได้บริเวณหน้าหมู่บ้านกรีนวิลล์ ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมกันนี้ได้ตรวจยึดบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 1 หลัง ทาวเฮาส์ 2 ชั้น 1 หลัง รถกระบะ และรถยนต์ อย่างละ 1 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 15 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ

คดีที่ 2 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 ตรวจสอบพบจะมีเครือข่ายลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จากพื้นที่ กทม. ไปส่งกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ ต่อมากลางดึกวันที่ 9 ม.ค. พบรถเป้าหมายเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เข้ามายัง กทม. เพื่อรับยาเสพติดนำไปส่งยังพื้นที่ภาคใต้ ต่อมาเช้ามืดวันที่ 10 ม.ค. พบรถมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เป้าหมาย ขับเข้าไปจอดเติมน้ำมันภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.กุยบุรี ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นและจับกุม นายเชษฐ์พงษ์ หรือ โจ้ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถได้บริเวณหน้าร้านกาแฟ พร้อมยาบ้าจำนวน 1.6 ล้านเม็ด อยู่บริเวณด้านหลังภายในรถยนต์ ส่วนรถยนต์สำรวจเส้นทาง ไหวตัวขับหลบหนีไปได้

คดีที่ 3 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 สืบทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่กรุงเทพฯ ไปส่งกลุ่มเครือข่ายทางภาคใต้ โดยว่าจ้างกลุ่มคนที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ ให้ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติด กระทั่งเที่ยงคืนของวันที่ 15 ม.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว พบความเคลื่อนไหวในเขตประเวศ กทม. ต่อเนื่องถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) มุ่งหน้าถนนพระราม 2 และตัดเข้าถนนเกษม พบรถยนต์ทะเบียน กทม. 2 คัน ลักษณะบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนัก ขับตามกันมาเข้าในพื้นที่อำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วเข้ามาจอดหน้าร้านสะดวกซื้อภายในบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ปราณบุรี เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น แต่คนขับเห็นตำรวจจึงได้ขับหลบหนี ก่อนจะถูกสกัดรถไว้ได้ ทราบชื่อคนขับคือ นายปิยะวัตร์ หรือบาส ทั้งนี้ได้ควบคุมตัวนายจักรพันธ์ ได้ภายในบริเวณร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะนำตัวมาตรวจค้นรถพบยาบ้า อยู่ในกระสอบสีขาว 8 กระสอบจำนวน 320 แพ็ก รวม 3,200,000 เม็ด วางอยู่บริเวณห้องโดยสาร ก่อนขยายผลตามจับกุมรถนำเส้นทาง พร้อมควบคุมตัว น.ส.เกศิณี หรือเกด และ น.ส.วรรณวิสา หรือเป้ 2 พี่น้อง ได้บริเวณริมชายหาดหน้าโรงแรมชะอำวิลล่า ขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่บริเวณริมชายหาด จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

คดีที่ 4 สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด 2 เครือข่าย โดยวันที่ 19 ธ.ค. และ 15 ม.ค. ตำรวจ บก.ปส.2 ขยายผลทราบว่ายาเสพติดที่ตรวจยึดได้มาจาก จ.บึงกาฬ ก่อนถูกลำเลียงส่งปลายทางกรุงเทพมหานคร ต่อมาวันที่ 24 ม.ค. พบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนี้จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในอีกครั้ง โดยจะใช้รถ 3 คัน ขับในลักษณะติดตามกันมาจาก จ.บึงกาฬ จ.สกลนคร และ จ.อุดรธานี ถนนหมายเลข 2 ไปทาง จ.ขอนแก่น ก่อนจะสกัดจับได้บริเวณริมถนนมิตรภาพใกล้หน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ต่อเนื่องบริเวณภายในปั๊มพีที สาขาโนนสูง 3 พบรถกระบะทะเบียนชลบุรี มีนายนัฐพงศ์ หรือ นัฐ อดีตนักแข่งรถสนามภูมิภาค เป็นผู้ขับขี่ และมีเด็กอายุ 12 ปี โดยสารมาด้วยเพื่อป้องกันการตรวจค้นของตำรวจ ส่วนพ่อและแม่เลี้ยง ไหวตัวหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นพบยาบ้ารวม 12,000,000 เม็ด วางอยู่ท้ายรถและห้องโดยสาร จากนั้นได้ขยายผลติดตามรถสำรวจเส้นทาง รถปิดท้ายขบวน ได้ในเวลาต่อมา

คดีที่ 5 จากการสืบสวนของ ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา พบเครือข่ายยาเสพติดชาวเขาเผ่าลาหู่ เครือข่ายของ นายจะสอ และ นายจะติ มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่าย และเตรียมวางแผนการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก กระทั่งกลางดึกของวันเดียวกันพบรถกระบะต้องสงสัยขับออกจากบ้านผาใต้ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางพื้นที่แนวชายแดน และพบรถยนต์ 3 คันขับกลับมาที่บ้านผาใต้ อีกครั้งในลักษณะขับตามกันมา ซึ่งตำรวจสังเกตพบรถหนึ่งในนั้น มีลักษณะต้องสงสัยโดยบริเวณกระบะท้ายมีสิ่งของบรรทุกอยู่เต็มกระบะและมีผ้าใบพลาสติกสีดำคลุมปิดไว้ ขับมุ่งหน้าพื้นที่บ้านแม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ที่ติดตามจึงสกัดรถไว้ แต่ผู้ขับขี่รถกระบะทั้ง 2 คัน อาศัยความชำนาญพื้นที่ขับรถหลบหนีไปได้ ก่อนจะมาพบรถกระบะหมายเลขทะเบียนเชียงราย ถูกจอดทิ้งไว้ที่บริเวณกลางทุ่งนา บ้านกลางทุ่ง ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ส่วนคนขับขี่รถกระบะทะเบียนเชียงราย อีกคันซึ่งถูกสวมทะเบียน อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางไปได้ ผลการตรวจค้นรถพบยาบ้าจำนวน 6 ล้านเม็ด

คดีที่ 6 วันที่ 24 ธ.ค. 66 ขณะที่ ตำรวจ ปส.4 ประจำด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ได้สนธิกำลังตั้งด่านตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กระทั่งพบรถกระบะสี่ประตู หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร ขับเข้าด่านตรวจซึ่งคนขับและผู้ที่โดยสารมาด้วยท่าทีต้องสงสัย จึงทำการขอตรวจสอบเบื้องต้นพบยาบ้า ในลักษณะเป็นก้อนสีขาวถูกซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของรถ รวมจำนวน 500,000 เม็ด จึงควบคุมตัวนางปราณี ที่เป็นผู้ขับขี่ และมีนางสาวดวงกมล ที่โดยสารมาด้วย จากการตรวจสอบข้อมูล นางปราณี ยังพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ 1 (เมทแอมเฟตามีน)” อีกด้วย

คดีที่ 7 จากการสืบสวนข้อมูลนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ ปส.4 ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.66 พบว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดมีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดจากนอกพื้นที่นำส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และพบความเคลื่อนไหวซึ่งเชื่อว่ากำลังเดินทางไปรับยาบ้าเพื่อนำมาส่งให้กับลูกค้า กระทั่งวันที่ 18 ธ.ค.66 พบว่าได้มีลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถกระบะ หมายเลขทะเบียนราชบุรี ขับมุ่งหน้า จ.สงขลา ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติด อ.จะนะ จึงเฝ้าระวังรถเป้าหมาย และพบรถขับเข้าด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นมีนายมาหามะรอยาลี เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.ฮัสเมาะ นั่งข้างคนขับ จากการสอบถามทั้งคู่ยอมรับว่า ในรถมียาบ้าซุกซ่อนอยู่จริง เจ้าหน้าที่จึงนำรถไปเข้าเครื่องเอกซเรย์ ผลตรวจพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในแกลลอน และในช่องลับที่ดัดแปลงเป็นตู้ลำโพง รวมยาบ้าจำนวน 594,000 เม็ด

คดีที่ 8 วันที่ 7 ม.ค.67 ตำรวจ บก.ปส.4 ได้รับการประสานจาก ตำรวจ บก.ปส.3 ว่า มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ภาคกลางนำส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ หมายเลขทะเบียนจังหวัดนครปฐม กำลังขับผ่าน จ.นครศรีธรรมราช มุ่งหน้า จ.สงขลา กระทั่งรถเป้าหมาย ขับมาถึงแยกควนมีด มุ่งหน้า อ.จะนะ จ.สงขลา ตำรวจจึงตั้งด่านเพื่อตรวจค้น พบนายมุสตอปา เป็นผู้ขับขี่ และนำรถเข้าเครื่องเอกซเรย์พบไอซ์บรรจุในพลาสติกใสประทับอักษร VERY GOOD จำนวน 40 กระสอบ รวม 1,000 กก. ถูกอำพรางทับด้วยกระสอบอาหารปลา จากการสอบปากคำ นายมุสตอปา รับสารภาพว่าไอซ์ของกลางจะนำไปส่งให้ผู้ค้าในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจากการกำหนดพื้นที่ควบคุมพิเศษ 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย นครพนม ในการสกัดยาเสพติดตามแนวชายแดนทำให้สามารถสกัดเครือข่ายยาเสพติดได้จำนวนมาก และพบว่าผู้ค้ามีการเปลี่ยนเส้นทางจากสายหลักไปใช้สายรองเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่มากขึ้น โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสอบและการข่าวในเส้นทางต่าง ๆ และทุกคดีที่สามารถจับกุมได้จะขยายผลต่อไปยังเครือข่ายทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อบังคับใช้มาตรการยึดทรัพย์ที่ได้การกระทำความผิด เพื่อสนองนโยบายการกวาดล้างยาเสพติดของรัฐบาล