เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงกรณีชายพิการโยกรถมาจากจังหวัดสุโขทัยเพื่อมาขอสิทธิคนพิการคืน ว่า จากการตรวจสอบที่เขาถูกตัดสิทธิเพราะเขาหายจากภูมิลำเนาไปนานกว่า 2 ปี โดยที่ตามตัวไม่พบ แม้ครอบครัวก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้ ทำให้ชื่อถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ทำให้เลข 13 รหัส ไม่สามารถทำธุรการของภาครัฐได้โดยอัตโนมัติ เพราะสิทธิของคนพิการ จะยังได้ในทุกกรณี แม้แต่ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำก็ยังได้สิทธิคนพิการ ยกเว้นถูกย้ายไปทะเบียนบ้านกลางเท่านั้นที่จะถูกตัดสิน เนื่องจากที่ต้องป้องกันสิทธิ เพราะเกรงว่าจะถูกสวมสิทธิ ของบุคคลที่ติดต่อไม่ได้

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งช่วยเหลือชายคนดังกล่าวแล้วเพราะแค่ย้ายกลับไปภูมิลำเนาหรือบ้านพักก็สามารถได้สิทธิคนพิการคืน แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมรับการช่วยเหลือ ไม่ยอมไปทำบัตรประชาชนหรือต่อสิทธิคนพิการ จึงไม่แน่ใจว่ามีความประสงค์อย่างไร

ส่วนเหตุใด บัตรคนพิการจึงต้องต่อทุก 5 ปี ทำไมไม่มีการประสานกับกระทรวงมหาดไทย ให้สิทธิคนพิการอยู่ได้ตลอดชีพโดยยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชน นายวราวุธ กล่าวว่า การต่อสิทธิคนพิการทุก 5 ปี สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันสิทธิแทนได้ ส่วนที่บัตรต้องมีอายุเพราะว่าคนพิการมีหลายแบบ หากพิการทางร่างกายไม่สามารถกลับมาได้ นี่คือคนพิการ ก็จะได้บัตรคนพิการ แต่จะมีกรณีที่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ บำบัดได้ เช่น พิการทางการเรียนรู้ หรือพิการทางด้านจิตใจ เขาจึงมีสิทธิที่จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้

นายวราวุธ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และเห็นตรงกันว่า บัตรประชาชนและบัตรคนพิการ ควรจะผนวกเป็นบัตรเดียวกันได้ จากนี้จะประสานกรมการปกครองเพื่อดำเนินการ