สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จัดการแขวนคอนายอาหมัด ซาลิม สัญชาติบังกลาเทศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และผู้ต้องหาเข้าถึงกระบวนการปรึกษาทางกฎหมาย ตลอดระยะเวลาของการพิจารณาคดี


ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษา เมื่อเดือน ธ.ค. 2563 ยืนบทลงโทษประหารชีวิตซาลิม วัย 35 ปี ซึ่งก่อเหตุฆาตกรรมอดีตคู่หมั้น ซึ่งเป็นหญิงชาวอินโดนีเซีย และประกอบอาชีพแม่บ้านในสิงคโปร์


แถลงการณ์ของตำรวจระบุด้วยว่า คำร้องขออภัยโทษได้รับการปฏิเสธ จากสำนักงานเลขาธิการประธานาธิบดีสิงคโปร์ และการประหารชีวิตซาลิม นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562 ที่สิงคโปร์ประหารชีวิตผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม เนื่องจากระยะหลังมักเป็นการแขวนคอผู้กระทำผิดในคดียาเสพติด


อนึ่ง สภาสิงคโปร์มีมติ เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ รับรองกฎหมาย “บทลงโทษเพื่อยกระดับความปลอดภัยสาธารณะ” ครอบคลุมผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม การข่มขืน และการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายว่า ผู้กระทำผิดในคดีเหล่านั้น ซึ่งกำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำ จะไม่กระทำผิดซ้ำเมื่อได้รับการปล่อยตัว


บทลงโทษจำคุกขั้นต่ำสำหรับคนร้ายในคดีดังกล่าว จะอยู่ที่ระหว่าง 5-20 ปี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล อย่างไรก็ตาม หากมีการวินิจฉัยพบว่า ผู้กระทำผิด “มีความเสี่ยงสูง” จะกลับมาก่อเหตุที่เป็นอันตรายต่อสังคม ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำต่อไป “อย่างไม่มีกำหนด” โดยจะได้รับอิสรภาพต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญพิจารณาและให้ความเห็นตามหลักการแล้วว่า ผู้ต้องขังคนดังกล่าว จะไม่กลับมากระทำการที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสังคมอีก


ปัจจุบัน สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศซึ่งมีกฎหมายเข้มงวดที่สุดในโลก แม้ผู้เยาว์กระทำความผิดอาจต้องรับโทษด้วยการเฆี่ยน ขณะที่อัตราการเกิดอาชญากรรมในสิงคโปร์อยู่ที่เพียง 0.2 ต่อประชากร 100,000 คน อยู่ในกลุ่มต่ำที่สุดของโลก.

เครดิตภาพ : AFP