เมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนา “จากทับลานถึงเขาใหญ่ ผืนป่าที่ถูกเฉือน” ว่า สาเหตุที่ ส.ป.ก. จ.นครราชสีมา ได้เข้าไปปักหมุดแนวเขตในพื้นที่อุทยานฯ เนื่องจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศพบว่ามีร่องรอยที่ชาวบ้านเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2517 เรื่อยมา ซึ่งในปี 2527 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นพื้นที่จำแนก เนื่องจากมีราษฎรเข้าไปทำกินในพื้นที่ดังกล่าว และให้ ส.ป.ก. เข้าไปดูแล ต่อมาในปี 2531 คปก. ได้รับที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกร ก่อนจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกาในปี 2534 ก่อนที่ในปี 2542 พบว่าประชาชนไม่ได้เข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว สภาพป่าไม้เริ่มฟื้นฟูจนเป็นป่าสมบูรณ์ ทั้งนี้ ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ที่ต้องออกจากพื้นที่ เพราะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไล่ไม่ให้ทำกินและไม่มีไฟฟ้าเข้าไปถึงจึงต้องออกจากพื้นที่ พร้อมแสดงใบส.ค.1 ตั้งแต่ปี 2498

ตามระเบียบ ส.ป.ก. 2564 เมื่อพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการเข้าทำประโยชน์ต่อเนื่อง ก็จะไม่สามารถจัดสรรที่ดินได้ แต่กลับพบว่ามีประชาชนให้ความร่วมมือกับข้าราชการ ส.ป.ก. จังหวัดนครราชสีมา เข้าไปรังวัดในที่ดินซึ่งเป็นป่าโดยอ้างว่าเคยเข้าทำประโยชน์ ในการปลูกข้าวโพดและมัน เพื่อออก ส.ป.ก. ให้ รวม 59 แปลง ทั้งที่จัดสรรไม่ได้ผิดระเบียบ  เรื่องนี้ไม่ขอปฏิเสธ ขอยอมรับว่า เป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ รมว.เกษตรฯ สั่งให้เพิกถอนไปแล้ว 12 แปลง 9 ราย ไม่รวมกับที่นายชัยวัฒน์ไปเจอในเขตดงพญาเย็น ตนยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ส.ป.ก. นครราชสีมาไม่มีสำนึก เข้าไปจัดสรรพื้นที่ดังกล่าวทำลายป่า สูญเสียทรัพยากร แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ทั่วประเทศจะเป็นคนชั่ว ต้องให้ความเป็นธรรม

สำหรับกรณีที่พิพาทระหว่าง ส.ป.ก. กับ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั้น ตนบอกได้เลยคอยดูให้ดีไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และเตรียมออกหมายจับเจ้าหน้าที่รังวัด 2 คน.