สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ว่า มัสก์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโอเพนเอไอ เมื่อปี 2558 และลาออกจากบริษัทในปี 2561 ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลเมืองซานฟรานซิสโก ว่าโอเพนเอไอ เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรมาโดยตลอด แต่การเปลี่ยนแปลงในบอร์ดบริหาร เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัทในเครือของยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์อย่าง “ไมโครซอฟท์”

อนึ่ง โอเพนเอไอ ถูกก่อตั้งจากการเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่อุทิศให้กับการพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป” (เอจีไอ) หรือปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่มีความฉลาดระดับมนุษย์ และจะก้าวข้ามความสามารถของมนุษย์ในการวัดความฉลาดทั้งหมด ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมีไว้เพื่อทำให้โอเพนเอไอ รับประกันว่าเทคโนโลยีเช่นนี้ จะปลอดภัยสำหรับมนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม คดีความของมัสก์ระบุว่า หลักการก่อตั้งบริษัทข้างต้น “ถูกมองข้าม” พร้อมกับกล่าวหาว่า สมาชิกชุดใหม่ในคณะผู้บริหารของโอเพนเอไอ ได้รับเลือกโดยนายแซม อัลท์แมน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของโอเพนเอไอ, ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟท์ แต่พวกเขาไม่มีความรู้ความชำนาญด้านเอไอ

“จนถึงทุกวันนี้ เว็บไซต์ของบริษัท โอเพนเอไอ ยังคงประกาศว่า กฎบัตรของบริษัท คือการทำให้แน่ใจว่า เอจีไอเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทว่าในความเป็นจริง โอเพนเอไอ ถูกเปลี่ยนให้เป็นบริษัทย่อยแบบปิดโดยพฤตินัย ของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไมโครซอฟท์” คำฟ้อง ระบุเสริม

ทั้งนี้ มัสก์ เป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ที่กล่าวเตือนว่า เอไออาจเป็นจุดจบของมนุษยชาติ แต่ถึงอย่างนั้น เขาได้เปิดบริษัทเอไอของตัวเองในชื่อ “เอ็กซ์เอไอ” (xAI) เมื่อปีที่แล้ว โดยมีพันธกิจในการทำความเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของจักรวาล และมุ่งเน้นการสร้างเอจีไอ.

เครดิตภาพ : AFP