เมื่อเวลา 09.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง) วันที่ 5 มี.ค. ที่โรงแรม The Langham นครเมลเบิร์น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบหารือกับดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์

โดยบรรยากาศในการหารือเป็นไปอย่างดี นายกฯ ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างดี ซึ่งนายกฯ ได้เสนอแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 6 ประเทศ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือ และฝ่ายมาเลเซียก็ยินดีรับนโยบายนี้ ในส่วนของการท่องเที่ยว นายกฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าราคาบัตรโดยสารเครื่องบินที่มีราคาสูง รวมทั้งช่วงเวลาเครื่องบินจอดลงที่พื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ในโอกาสนี้ ไทยและมาเลเซียพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการผ่านแดน พร้อมทำให้เกิดเป็นผลรูปธรรมชัดเจน ด้านฝ่ายมาเลเซียพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และอาหารฮาลาลของไทย ซึ่งนายกฯ ถือว่าเป็นโอกาสทองของไทย

นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้หารือกันในเรื่องเกี่ยวกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์และพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อความสงบสุข ทั้งนี้ มาเลเซียได้หยิบยกประเด็นเรื่องยางพารา ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์หารือ เรื่องการพิจารณาสนับสนุนการขายยางพาราให้แก่มาเลเซีย 

ขณะเดียวกัน นายกฯ ได้แนะนำในมาเลเซียเกี่ยวกับกิจกรรม ITB Berlin 2024 ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว ที่เบอร์ลิน ถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมทั้ง MIPIM 2024 ที่เมืองคานส์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของโลก ด้าน Infrastructure และ real estate ถือเป็นโอกาสสำคัญ ให้ไทยนำเสนอโครงการแลนด์บริดจ์

จากนั้นนายกฯ เปิดเผยว่า การหารือกับมาเลเซียมีการพูดคุยกันเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า สัปดาห์ที่แล้วตนได้ลงพื้นที่ จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีการหารือมีการพูดถึงการเปิดพื้นที่ชายแดน เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจชายแดน และการเดินทางไปมาหาสู่ ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศดียิ่งขึ้น ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือท่องเที่ยวเชื่อมโยง 6 ประเทศ เพื่อนำมาพูดคุยต่อยอดอีกครั้ง โดยขณะนี้ แต่ละประเทศได้เริ่มต้นดำเนินการแล้ว รวมถึงได้พูดคุยเรื่องตั๋วเครื่องบินที่มีราคาแพง ที่เป็นอุปสรรคเช่นเดียวกัน รวมถึงเรื่องการทำความร่วมมือเรื่องอาหารฮาลาล โดยสำนักงานฮาลาลของทั้งสองประเทศซึ่งจะมาพูดคุยกัน นอกจากนี้งานกิจกรรม ITB Berlin 2024 ที่เยอรมนี ซึ่งนายกฯ มาเลเซีย ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการจัดงานนี้ ซึ่งตนจะไปร่วมงานและจะแชร์ข้อมูล เพราะมาเลเซียก็อยากโปรโมตเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการประชาสัมพันธ์จะเป็นรูปแบบภูมิภาคหรือไม่ จะเน้นที่ประเทศไทยก่อน และตรงไหนที่สามารถช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านได้ก็ยินดี สำหรับไทยและมาเลเซียได้ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวระหว่างกันมานาน ระหว่างไทยไปมาเลเซีย ร้อยละ 10 ส่วนมาเลเซียมาไทย ร้อยละ 90 จึงอยากส่งเสริมให้คนไทยไปเที่ยวมาเลเซียให้มากขึ้น เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน ทั้งนี้ ตนได้พบเจอกับนายกฯ มาเลเซีย บ่อยครั้ง และวันนี้ก็เป็นการติดตามงานแต่ละโครงการ รวมถึงได้พูดคุยเรื่องยางพารา ที่มาเลเซีย นำเข้าจำนวนมาก เพราะมีโรงงานผลิตถุงมือและถุงยางอนามัยเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ให้ติดต่อขายยางให้กับมาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดี โดยขณะนี้ราคายางพาราค่อนข้างสูง เพราะในสต๊อกมีจำนวนน้อย แต่หากทราบออร์เดอร์ล่วงหน้า ก็จะสามารถรักษาราคาที่ต้องการขายไว้ได้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ได้พูดคุยกับนายกฯ มาเลเซีย เรื่องฟุตบอล ที่หลานของท่านเชียร์ทีมอาร์เซนอล ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็แฮปปี้ เพราะชนะ 6-0 โดยตนเคยเจอหลานๆ ของท่านแล้ว ก็พูดคุยกันเรื่องฟุตบอลอย่างสนุกสนาน ส่วนจะมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลด้วยกันหรือไม่ นายกฯ มาเลเซีย บอกว่าส่วนตัวท่านไม่ไหว เพราะอายุ 70 แล้ว แต่ตนก็คงมีโอกาสได้เล่นกับหลานของท่าน ซึ่งคงจะสนุกสนาน เพราะหลานของท่าน 4-5 คน เป็นแฟนของทีมอาร์เซนอลทั้งหมด

นายกฯ กล่าวต่อถึงภารกิจในวันเดียวกันนี้ว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้พบหารือกับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกันบ่อยเท่ากับนายกฯ มาเลเซีย แต่เจอกันบ่อยขึ้น ก็จะผูกพันกันมากขึ้น และพร้อมผลักดันความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งวันนี้เป็นการหารือกลุ่มเล็ก (4-eyed) เพราะเราเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ขณะเดียวกันจะได้หารือกับนายแอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย พูดคุยเรื่องการค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน รวมถึงเรื่องเหมืองแร่ ที่ออสเตรเลียสนใจจะไปลงทุนในไทย ตลอดจนเรื่องการศึกษาและเกษตรแม่นยำ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า พล.อ.เดวิด เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย มอบถุงเท้าลายหมีโคอาลาเป็นของขวัญ จำนวน 2 คู่ ระหว่างเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13-17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยอีกหนึ่งคู่เป็นลายกิ้งก่าและจิงโจ้  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย โดยวันที่ 6 มี.ค. ตนจะสวมถุงเท้าลายดังกล่าว

นอกจากนี้ นายกฯ ยังเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีด้วยว่า “เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา (พี่ตั๊ก) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ ไปไล่จับหมีโคอาลาบนต้นไม้ แต่จับไม่ได้ ซึ่งพี่ตั๊กจะพยายามสัมผัสพูดคุยเชิงการทูตฯ แต่การพูดคุยการทูตฯ กับต่างประเทศง่ายกว่าการพูดคุยกับหมีโคอาลา”