เมื่อวันที่ 8 มี.ค. จากกรณีลิงลพบุรี บุกกระชากถุงกับข้าวจากมือ น.ส.อริย์กันตา กาญจนสินเมธา อายุ 37 ปี แม่ค้าที่มาขายของที่ตลาดนัดคนเดินสวนราชานุสรณ์ จ.ลพบุรี จนทำให้บาดเจ็บที่สะโพก และหัวเข่าหลุด จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา นั้น

นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การช่วยเหลือเยียวยาจากสัตว์ป่าถูกทำร้าย กรมอุทยานฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้เฉพาะช้างป่ากับกระทิงเท่านั้น ซึ่งลิงยังไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือดังกล่าว

นายเผด็จ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวคิดที่จะนำลิงอยู่ในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือด้วย แต่การทำหลักเกณฑ์ของลิง จะแตกต่างกับช้างป่าและกระทิงค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันลิงแสม ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้ออกมาจากธรรมชาติและมาอาศัยอยู่ในตัวเมือง ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนได้ตลอดเวลา ดังนั้นการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ช่วยเหลือในแต่ละกรณีจะค่อนข้างยาก เช่น หากโดนลิงทำร้ายร่างกาย จะต้องมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด หรือคลิปวิดีโอ และไม่เป็นการไปยั่วยุ รังแกลิงก่อน คือ ไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับสัตว์ป่า เพราะอย่างช้างป่ากับกระทิง คงไม่มีคนเสี่ยงที่จะเข้าไปแหย่มันอยู่แล้ว การพิจารณาตามหลักเกณฑ์จึงง่ายกว่า และลิงที่อาศัยอยู่ในเมือง จะมีความถี่ในการกระทบกระทั่งกับคนได้มาก แต่ความรุนแรงอาจเทียบไม่ได้กับช้างป่าและกระทิงเลย ซึ่งต้องมาพิจารณาหลักเกณฑ์การช่วยเหลือให้รอบด้าน

นายเผด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือเยียวยาในกรณีโดนช้างป่าและกระทิงทำร้ายนั้น ครอบคลุมเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ไม่รวมทรัพย์สิน เพราะเม็ดเงินที่นำมาเยียวยาของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าไม่ได้มีมาก จึงเน้นการเยียวยาทางร่างกายมากกว่า ซึ่งหากมีการนำลิงมาเข้าหลักเกณฑ์ด้วย ก็คงไม่ได้ครอบคลุมถึงทรัพย์สินที่ลิงทำลายเหมือนกัน

“อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีการร้องเรียนเรื่องลิงที่สร้างความปั่นป่วนมาตลอด โดยกรมอุทยานฯ ได้พยายามแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การควบคุมจำนวนประชากรลิง แต่การปลดลิงออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เราต้องถามว่าหากปลดลิงออกจากการคุ้มครองแล้ว คนจะทำอะไรกับลิงบ้าง อาจจะทำร้ายลิงจนถึงขั้นตาย และปัจจุบันก็มีการลักลอบลิงส่งออกต่างประเทศ เพื่อเป็นสัตว์ทดลอง หรือแม้กระทั่งนำไปบริโภคตามความเชื่อต่างๆ ดังนั้นการปลดลิงออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง จะมีมูลค่าความสูญเสียของลิงที่ประเมินไม่ได้” นายเผด็จ กล่าว

นายเผด็จ กล่าวอีกว่า แม้วันนี้ลิงจะเป็นสัตว์คุ้มครองก็ตาม แต่หากเป็นการกระทำที่สมควรกว่าเหตุก็ไม่เป็นไร เช่น ไล่มัน เพื่อปกป้องร่างกายและทรัพย์สิน แต่หากไปทำร้ายลิงจนเจ็บหนัก หรือขั้นฆ่าให้ตาย ตรงนี้ถือว่าไม่สมควรกว่าเหตุ สิ่งสำคัญคือความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานฯ และท้องถิ่น ในการหาแนวร่วมในทิศทางเดียว การจับทำหมันเพื่อควบคุมประชากรลิง.