เมื่อวันที่ 8 มี.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น เปิดเผยผลการจับกุมตัว น.ส.วิรัลพัชร ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมาย ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 123/2567 ลง 29 มกราคม 2567 2.หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 124/2567 ลง 29 มกราคม 2567 และ 3.หมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 428/2563 ลง 30 กันยายน 2563 ในข้อหา “ความผิดต่อ พ.ร.บ.เช็ค พ.ศ.2534” สามารถจับกุมได้ที่ ริมถนนสาธารณะบริเวณหน้าคอนโด ต.หัวเวียง อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง เมื่อ วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากช่วงเดือน ก.ค. 2566 น.ส.วิรัลพัชร ผู้ต้องหา ซึ่งเป็น กรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง ได้จัดการแถลงข่าวจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน ภายใต้ชื่อ “เบอร์ลี่ แชมเปี้ยนคัพ ไทยแลนด์” (Burly champion Cup Thailand ) โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 รุ่น ชิงเงินรางวัลรวม 1,000,000 บาท ระหว่างวันที่ 29-30 ก.ค. 2566 ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ สมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาจะให้แต่ละทีมที่สมัครลงการแข่งขันฟุตบอล ชำระเงินค่าสมัคร และเงินประกันทีม รวมเป็นจำนวนเงิน15,000 บาท ได้มีทีมสมัครเข้าร่วมการเเข่งขันทั้งหมด 48 ทีม โดยโอนเงินค่าสมัครผ่านทางบัญชี ของบริษัท

ต่อมาหลังจบการแข่งขันเสร็จ ทีมพระมงคลชัยSB ได้แชมป์ในรายการนี้ไป พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท ในเวลาต่อมาทีมพระมงคลชัยSB ที่ได้แชมป์ ยังไม่ได้รับเงินรางวัลแต่อย่างใด จึงได้มีการทวงถามไปยัง ผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการทำหนังสือชี้แจงอ้างว่า ไม่สามารถจ่ายเงินรางวัลได้ตามกำหนดเวลา เนื่องจากเกิดปัญหาภายในทางธุรกิจ ประกอบกับเหตุฉุกเฉินกะทันหัน โดยผู้ต้องหาพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ในเวลาต่อมาผู้ต้องหาได้ทำการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 1 ฉบับ เพื่อเป็นการมอบชำระเงินรางวัลให้แก่ทีมฟุตบอลที่ชนะการแข่งขัน และต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายในวันที่ 08/08/2566 ผู้เสียหายได้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปขึ้นเงินที่ธนาคาร โดยธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คฉบับดังกล่าวให้เหตุผลว่า “เงินในบัญชีไม่พอจ่าย” หลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่าย ผู้เสียหาย ได้ติดตามทวงถามไปยังผู้ต้องหา แต่ก็ยังถูกบ่ายเบี่ยงจึงเข้าแจ้งความในที่สุด

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา ยังพบว่ามีการค้างชำระค่าเช่าสนามฟุตบอลสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ ที่ใช้ในการจัดเเข่งขันฟุตบอล เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท อีกทั้งค่าชุดกีฬา บริการข้าวกล่อง และน้ำดื่มให้เเก่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน รวมเป็นเงินหลายแสนบาท ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าข่ายหลอกลวง

จากการสอบสวนผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การว่า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้ตนเองเกิดการขาดสภาพคล่อง ทำให้ไม่มีเงินที่จะมาจ่ายในส่วนของรางวัลของนักกีฬาและค่าสนาม รวมถึงทั้งค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ