ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ซึ่งมันคือพุ่มไม้ที่มีก้านสีแดง หรือต้นไม้  เล็ก ๆ ที่มีใบไม้สีเขียวหนาทึบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นฟองนํ้าดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

บริตซ์ ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างยอดเขาเขียวขจี กับหุบเขาที่แห้งแล้ง ซึ่งในอดีต ต้นปะการังสายรุ้งด่างเคยปกคลุม “ลิตเติล การู” ภูมิภาคกึ่งทะเลทรายในจังหวัดเวสเทิร์นเคป ประเทศแอฟริกาใต้ แต่การทำปศุสัตว์มากเกินไป และการบริหารจัดการที่ไม่ดีเป็นเวลานานหลายสิบปี ทำลายไม้พุ่มชนิดนี้จำนวนมาก

“ต้นปะการังสายรุ้งด่าง กักเก็บคาร์บอนทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มันเป็นหนึ่งในพืชไม่กี่ชนิดที่ทำเช่นนั้น นอกจากนี้ มันเติบโตที่นี่ตามธรรมชาติ ดังนั้นการปลูกต้นปะการังสายรุ้งด่างที่นี่ จึงมีความสำคัญ เพื่อทำให้เกิดผลสะท้อนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ”

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว บริตซ์ก่อตั้งองค์กร “จ็อบส์ 4 คาร์บอน” (Jobs 4 Carbon) ซึ่งอุทิศตนเพื่อการส่งเสริมและการปลูกต้นปะการังสายรุ้งด่างขึ้นใหม่ ในพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับความเสียหายจากภัยแล้งอันยาวนาน ระหว่างปี 2558-2563 โดยในปัจจุบัน เขาและทีมงานชาวสวน ปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไปแล้วเกือบ 700 เฮกตาร์

“มันทำให้ธรรมชาติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” นางแจน โคลเอเต หัวหน้าทีม วัย 49 ปี กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ด้านนายอลาสแตร์ พอตส์ นักพฤกษศาสตร์ วัย 41 ปี กล่าวว่า ต้นปะการังสายรุ้งด่างคือ “พืชมหัศจรรย์” ในระบบนิเวศกึ่งแห้งแล้งตามธรรมชาติ เนื่องจากมันสร้างสภาพแวดล้อมขนาดเล็กที่เหมือนป่า และเป็น “พรมใบไม้ ที่ดักจับนํ้า ฝุ่น และสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมันสามารถกักเก็บได้ในปริมาณมาก

ท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้งและร้อน ต้นปะการังสายรุ้งด่างจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากบรรยากาศในเวลากลางคืน และกักเก็บไว้ในรูปแบบของกรดมาลิก ส่วนในตอนกลางวัน มันจะปิดปากใบ เพื่อลดการสูญเสียนํ้า และใช้กรดมาลิกในการสังเคราะห์แสง

ทั้งนี้ รายงานในปี 2549 ประมาณการว่า ต้นปะการังสายรุ้งด่าง 1 เฮกตาร์ สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 4 ตันต่อปี

แม้จ็อบส์ 4 คาร์บอน หวังที่จะปลูกพืชชนิดนี้มากขึ้น และให้ทุนแก่กิจการขายคาร์บอนเครดิต แต่การดำเนินการเช่นนั้นได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องเห็นพ้องกันก่อนว่า ต้นปะการังสายรุ้งด่าง สามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม พอตส์ยังคงมองโลกในแง่ดี เนื่องจากต้นปะการังสายรุ้งด่าง ไม่มีข้อเสียเหมือนกับโครงการปลูกต้นไม้อื่น ๆ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า สร้างระบบเกษตรกรรมพืชเดี่ยวในระบบนิเวศที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งการฟื้นฟูธรรมชาติ ยังช่วยป้องกันการปล่อยมลพิษจากความเสื่อมโทรมของที่ดินด้วย

ขณะที่ บริตซ์ กล่าวว่า จ็อบส์ 4 คาร์บอน ได้รับเงินทุนจากมูลนิธิระหว่างประเทศและบริษัทเอกชนหลายแห่ง และกำลังมองหาพื้นที่สีเขียว 13,000 เฮกตาร์ทั่วภูมิภาค ซึ่งกลุ่มของเขายินดีปลูกต้นปะการังสายรุ้งด่างให้ฟรี หากเจ้าของที่ดินตกลงที่จะปล่อยพื้นที่ของพวกเขาทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 15 ปี.