เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ กรมการแพทย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 โดยหนึ่งในนั้นมีการกำหนดปริมาณการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด เป็นการครอบครองเพื่อเสพ ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ป่วย เป็นต้น เนื่องจากเห็นว่ากฎกระทรวงดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ถอดถอนความเป็นรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน ว่า ตนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราก็พิสูจน์ในสิ่งที่เราทำนั้น อยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ให้อำนาจหน้าที่ไว้ และกระบวนการออกกฎกระทรวงก็ทำตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ได้ใช้อำนาจตามอำเภอใจในการออกประกาศฉบับนี้

ทั้งนี้ ในการที่จะถอดถอนนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่มีอำนาจในการถอดถอน สส. อย่างไรก็ตาม ตนยินดีที่จะเข้าไปชี้แจง อย่างเช่นสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินที่รับข้อมูลไว้ หากนัดหมายมาเมื่อไหร่เราก็พร้อมเข้าไปให้ข้อมูล ตอบข้อชี้แจงข้อกล่าวหา โดยเฉพาะประเด็น ที่บอกว่าไปออกกฎกระทรวงขัดเจตนารมณ์ของกฎหมาย คนครอบครองติดคุก คนเสพเท่านั้นถึงจะได้รับการบำบัดรักษา แต่กฎหมายฉบับนี้ คำว่าคนเสพที่ได้รับการบำบัดรักษา หมายถึงผู้ถือครองในปริมาณเล็กน้อยตามที่กฎหมายกำหนด ถึงจะได้เข้ารับการบำบัดรักษา นี่คือสิ่งที่เราจะชี้แจงทำความเข้าใจได้ ยืนยันว่าเราไม่ได้อนุญาตให้ถือครองแต่ให้โอกาสในการเข้าสู่การบำบัด หากไม่เข้ารับการบำบัดจะถูกติดคุก มีความผิด แต่หากสมัครใจก็รับบำบัด เมื่อบำบัดครบได้หนังสือรับรองถึงจะไม่มีความผิด

นพ.ชลน่าน กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องสื่อสารให้ประชาชนให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายยาเสพติด ในการแยกผู้เสพเป็นป่วยเพื่อ ตัดวงจรการค้ารายย่อย ซึ่งมีข้อมูลว่า มีผู้เสพอยู่กว่า 1.9 ล้านคน ซึ่งเราก็ให้โอกาสเข้าบำบัด ไม่ถูกตีตราเป็นคดีเมื่อสมัครใจเข้ารับการบำบัดครบ เราต้องสื่อสารเรื่องนี้ให้เข้าใจ คนที่เจตนาบิดเบือนเพื่อหวังผลประโยชน์อื่น เราก็ต้องพยายามต่อสู้ให้เขาเหล่านั้นกลับมาเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง เห็นแก่ลูกหลานเยาวชนที่เราต้องแก้ปัญหาและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนโดยทั่วไป โดยเฉพาะสื่อมวลชนการสื่อสาร หากสื่อสารโดยการพูดครึ่งเดียว ก็จะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการตั้งมินิธัญรักษ์ หรือสถานบำบัดรักษาฟื้นฟูยาเสพติดในโรงพยาบาลชุมชน และทำงานร่วมกับชุมชน ขณะนี้มีเกือบ 160 แห่งแล้ว มีผู้สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาดเพิ่มขึ้นเปรียบเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของชมชนล้อมรักษ์ ซึ่งที่ตนเพิ่งจะลงพื้นที่ไม่ที่ควนกาหลง จังหวัดสตูล พบว่ามีผู้เข้ารับการบำบัดรักษา 37 คน โดยมีผู้ผ่านบำบัดและได้รับการรับรองแล้ว 5 คน และมี 2 ใน 5 ยืนยันกับเราว่า ตั้งใจแล้วจะไม่กลับไปเสพซ้ำ และจะตั้งใจทำงาน.