เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ชาวบ้านพื้นที่ จ.นครนายก และนักอนุรักษ์ 29 องค์กร ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ค้านการสร้างเขื่อนทำลายพื้นที่ธรรมชาติ ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เนื่องในสัปดาห์วันหยุดเขื่อนโลก โดยชี้ให้เห็นผลเสียมากกว่าผลดี จากโครงการก่อสร้างเขื่อนกว่า 10 แห่ง รอบเขาใหญ่มรดกโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในสัปดาห์วันหยุดเขื่อนโลก ชาวบ้านคลองมะเดื่อ กลุ่มรักษ์คลองมะเดื่อ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร สมาคมพลเมืองนครนายก กลุ่มรักษ์เขาใหญ่ และกลุ่มอนุรักษ์รวม 29 กลุ่ม ร่วมกันออกแถลงการณ์ ให้หยุดสร้างเขื่อนในเขตป่ามรดกโลก ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ผ่านงาน “ปกป้องคลองมะเดื่อ” หยุดสร้างเขื่อนในป่ามรดกโลก เขาใหญ่ ที่วัดบ้านดง จังหวัดนครนายก โดยมีนักวิชาการและภาคีเครือข่ายร่วมแสดงเจตนารมณ์และให้การสนับสนุน นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเสนองานวิจัยไทบ้าน ที่ชาวบ้านลงเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง รวมถึงสาธิตผลผลิตสมุนไพรและอาหาร ที่มาจากงานวิจัยไทบ้านป่าคลองมะเดื่อด้วย มีเวทีเสวนาที่ให้ความรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างเข้มข้น

น.ส.อรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยถึงสถิติข้อมูลจากกรมป่าไม้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563-2566 ว่า พื้นที่ป่าของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยหายไปประมาณปีละ 1 แสนกว่าไร่ ปัจจุบันเพียงปีเดียวป่าหายไปถึง 317,819.20 ไร่ ขณะที่นโยบายป่าไม้แห่งชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับปัจจุบัน บอกว่าประเทศไทยจะต้องมีพื้นที่ป่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ หากประเทศไทยจะทำให้ได้ตามนโยบายป่าไม้แห่งชาติเราจะต้องมีพื้นที่ป่าทั้งประเทศให้ได้ 129 ล้านไร่ นับจากจำนวนป่าที่เหลืออยู่ในปัจจุบันแล้ว ไทยจะต้องเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้อีก 27 ล้านไร่ นี่คือตัวเลขที่ท้าทายของรัฐบาลที่มีโครงการจะทำลายป่าอยู่เยอะมาก

น.ส.อรยุพา กล่าวอีกว่า ส่วนผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มีโครงการเขื่อนคลองมะเดื่อที่น้ำจะท่วมชุมชนอย่างเห็นได้ชัด พื้นที่ป่าจะหายไป ถ้ามีการก่อสร้างเขื่อนคลองมะเดื่อประมาณ 1,800 ไร่ เป็นผืนป่าของเขาใหญ่ประมาณ 1,100 ไร่ อีก 600 ไร่ เป็นพื้นที่ของชุมชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างเขื่อน และยังมีเขื่อนอื่นๆ รวมกันถึง 7 แห่ง หากสร้างเขื่อนทั้งหมดนี้ในพื้นที่ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ พื้นที่ป่าไทยจะหายไปอีกเกือบ 20,000 ไร่ โดยเฉพาะในผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เขื่อนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเขื่อนห้วยสะโตน อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมขอเพิกถอนพื้นที่ ต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์ ปกป้องป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่ให้อยู่ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ขณะที่ โครงการเขื่อนคลองมะเดื่อ มีพี่น้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าและชุมชน ส่วนในอุทยานแห่งชาติตาพระยา อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่กำลังจะมีเขื่อนในพื้นที่ น้ำจะท่วมพื้นที่ป่าทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อ เสือโคร่ง วัวแดง กระทิง ซึ่งเป็นสัตว์หายาก

“ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย เป็นแหล่งรองรับการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งเป็นอันดับ 2 รองจากผืนป่าตะวันตก ความสูญเสียจะเกิดขึ้นในพื้นที่ หากมีการสร้างเขื่อน” น.ส.อรยุพา กล่าว

ด้านนายโสภณัฐ์ต์ กิ่งผา หนึ่งในแกนนำชาวบ้านกลุ่มรักษ์คลองมะเดื่อ กล่าวว่า การที่เราจัดงานในครั้งนี้ ก็เพราะกรมชลประทานยังไม่ล้มเลิก หรือระงับโครงการก่อสร้างเขื่อน 7+3 แห่ง ในพื้นที่ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ตามที่คณะกรรมการมรดกโลกร้องขอ แต่กลับเร่งผลักดันโครงการในขั้นตอนต่างๆ ให้รุดหน้าไป เพื่อพร้อมนำเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจสร้างได้ทันที เป็นผลให้ชาวบ้านและองค์กรเครือข่ายนักอนุรักษ์ ออกมารุมคัดค้านอย่างต่อเนื่อง

“ทำไมจังหวัดเล็กๆ อย่าง นครนายก ถึงกำลังจะมีเขื่อนใหญ่ๆ 2 เขื่อน อยู่ห่างกันไม่ถึง 10 กิโลเมตร เกิดขึ้น คือเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่สร้างเสร็จไปนานแล้ว และเขื่อนคลองมะเดื่อ ที่กรมชลฯ กำลังเร่งทำการศึกษาพร้อมที่จะสร้างขึ้นมา เรามีความจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ ที่สำคัญคือ ป่าคลองมะเดื่อเป็นนิเวศลำธารที่เหลืออยู่แห่งสุดท้ายของจังหวัดนครนายก เมื่อสร้างเขื่อน น้ำจะท่วมเข้าไปในป่าอุทยานเขาใหญ่ กว่า 2,000 ไร่ และทำลายป่าคลองมะเดื่อของเรา รัฐบาลและกรมชลฯ จะไม่สามารถสร้างระบบนิเวศแบบนี้ขึ้นมาได้อีก ซึ่งชาวบ้านจะไม่ยอมละทิ้งทรัพย์สินและที่ดิน เพื่อการสร้างเขื่อนแน่นอน” นายโสภณัตฐ์ต์ กล่าว

แกนนำกลุ่มรักษ์คลองมะเดื่อ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดของชาวบ้านคือ “โอกาสในชีวิตและคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเขาที่สร้างกันขึ้นมาเพื่อส่งต่อให้ลูกหลานได้ ที่นี่เราสร้างจนเป็นเจ้าของสวนผลไม้ บางคนทำรีสอร์ทง่ายๆ เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ยั่งยืน เราจะไม่ย้ายไปไหน ถ้าเราไปที่อื่น มันไม่มีทางดีกว่าที่นี่แน่นอน เราอาจจะกลายเป็นผู้ใช้แรงงาน ค่าแรงถูกๆ ซึ่งเราจะไม่ยอมไปจากที่นี่แน่นอน เราจะไม่ยอมที่จะถูกละเมิดสิทธิจากโครงการนี้” แกนนำกลุ่มรักษ์คลองมะเดื่อย้ำ และยังชี้ให้เห็นว่า EIA ที่มีการทำก็ไม่ได้มีการทำจริงเอาข้อมูลเก่ามาใช้ คนตายไป 10-50 ปี ยังมีรายชื่อเป็นผู้ได้รับผลกระทบ ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบจริงไม่มีรายชื่อที่สำคัญคือบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยซึ่งไม่เป็นความจริง

ด้าน นายไพบูลย์ จิตเสงี่ยม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.สาริกา นครนายก กล่าวว่า พวกเรากังวลมากเกี่ยวกับเขื่อนคลองมะเดื่อนี้ ถ้ามีการสร้างขึ้นมาจริงๆ ช้างก็จะเสียพื้นที่ราบกว้างใหญ่ รวมถึงแนวชายป่าที่ใช้หากิน แล้วก็จะพากันลงมาที่หมู่บ้านและสวนผลไม้ของชาวบ้านมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะออกไปไกลถึงตัวเมืองเลย ความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างก็จะยิ่งเลวร้ายลง ส่วนเรื่องค่าชดเชย ความเสียหายและระบบนิเวศที่จะฟื้นฟู ที่ทางหน่วยงานมักล่าวอ้างก่อนการสร้างเขื่อน ตนเห็นมาหลายเขื่อนแล้ว บางเขื่อนสร้างเสร็จมา 6 ปี ยังไม่ได้มีการฟื้นฟูป่าเลย สักตารางนิ้วเดียว สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวรวมถึงข้อมูล กิจกรรม ได้ทางเฟซบุ๊ก “เพจรักษ์คลองมะเดื่อ”

ผู้สื่อข่าวรายงาน ประชาชนที่มาร่วมงานครั้งนี้ต่างแสดงความเห็นคัดค้านการสร้างเขื่อน อาทิ ผศ.ดร.นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล นายกสมาคมพลเมืองนครนายก เสนอว่ากรมชลควรมีวิทยาการใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ ในการจัดการน้ำไม่มาทำลายป่าเขาใหญ่มรดกโลก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดน้ำ

ด้านนางระตะนะ ศรีวรกุล ที่ปรึกษาสหกรณ์เกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรี จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์ของเขื่อนในจังหวัดปราจีนบุรี เกษตรกรมักจะถูกใช้เป็นเหตุผลในการสร้างเขื่อน แต่จนปัจจุบันเกษตรกรก็ยังไม่ได้ใช้น้ำ จากนั้นมีประชาชนรอบเขื่อนขุนด่านลุกขึ้นมาสนับสนุน 2-3 คน ว่าที่นครนายกก็เป็นเช่นเดียวกัน ว่าการได้ใช้น้ำและการได้สิทธิจัดการพื้นที่ขายของในพื้นที่เขื่อน หรือจัดการท่องเที่ยวนั้น ลำบากยากเย็นยิ่งนัก

ทิ้งท้ายโดย ผศ.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า การสัมมนานี้คือเสียงของชาวบ้าน ซึ่งเราต้องเคารพสิทธิของพวกเขาและเราต้องไม่ละเมิดสิทธิสัตว์ ต้นไม้และสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ที่พูดไม่ได้ด้วย เราต้องหยุดการสร้างเขื่อนทำลายป่า

จากนั้นมีเครือข่ายนักอนุรักษ์ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ โดยขอให้ยุติโครงการเขื่อนคลองมะเดื่อ และเขื่อนรอบๆ ผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และปกป้องพื้นที่มรดกโลก หยุดการละเมิดสิทธิชุมชนด้วยการผลักดันโครงการเขื่อน และให้รักษาสายน้ำธรรมชาติทุกสาย รวมทั้งคลองมะเดื่อ และนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของประชาชน มาใช้ในการจัดการสายน้ำธรรมชาติ กลุ่มรักษ์คลองมะเดื่อ และเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์รอบผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ขอยืนยันว่าจะคัดค้านโครงการเขื่อนคลองมะเดื่อและปกป้องผืนแผ่นดินของพวกเราอย่างถึงที่สุด จะร่วมกันคัดค้านโครงการเขื่อนทุกเขื่อนที่จะสร้างรอบๆ และในผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่เป็นมรดกโลก เพื่อให้ผืนป่าแห่งนี้เป็นมรดกให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเราสืบไป ขอให้หยุดเขื่อน หยุดฆ่ามรดกโลก