เมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 ร.ต.อ.ฐานิต ที่ภักดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์ ร้านทองปัญญา เลขที่ 111/90 สาขาตลาดนัด 700 ไร่ หมู่ 6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยชุดสืบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พบนายปัญญา ปั้นประสงค์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้าน ยืนรอให้ปากคำ พร้อมนำตำรวจตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่สามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ รวมถึงตรวจสอบเก็บหลักฐานบริเวณระเบียงหลังห้องชั้น 2 ที่คนร้ายได้ปีนขึ้นมาในตัวอาคาร เนื่องจากไม่ได้ล็อกประตู และบริเวณชั้นล่างของตัวอาคาร ที่มีการติดตั้งตู้เซฟเก็บทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณ จำนวนหลายร้อยบาท

ภาพวงจรปิดสามารถบันทึกภาพช่วงเวลา 22.04 น. คืนวันที่ 11 มี.ค. ขณะคนร้ายเป็นชาย อายุราว 30-35 ปี รูปร่างผอมสันทัด ความสูงประมาณ 170 ซม. สวมหมวกแก๊ป ใส่เสื้อแจ๊กเกตผ้าร่ม แขนคาดลายเส้นทางยาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ และสวมรองเท้าผ้าใบ ซึ่งสีไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เนื่องจากเป็นกล้องระบบอินฟราเรดบันทึกขาวดำ โดยพฤติกรรมของคนร้ายเข้ามาจากประตูชั้น 2 ระเบียงหลังร้าน ก่อนจะมุดลอดช่องบันไดโรยตัวลงมาชั้นล่าง กล้องสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหว และส่งสัญญาณดังเตือน จากนั้นคนร้ายรู้จุดที่ติดตั้ง Server และดึงสายสัญญาณออก พร้อมถอดตัวเซิร์ฟเวอร์ไป แต่ยังมีกล้องอีกหลายตัว สามารถบันทึกภาพคนร้ายพยายามรื้อค้นบริเวณตู้โชว์ทองหน้าร้าน ห้องทำทอง และพยายามที่จะเปิดตู้เซฟ แต่ไม่สามารถเปิดได้ จึงไม่สามารถนำทรัพย์สินทองคำติดตัวออกไปได้ ทิ้งหลักฐานเป็นค้อนที่เตรียมมาทุบตู้โชว์ทองไว้ให้ดูต่างหน้า

สอบถาม นายปัญญา เจ้าของร้าน เล่าว่า คนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุ น่าจะเป็นระดับมืออาชีพ เนื่องจากรู้ระบบของสัญญาณเตือนภัย รวมถึงกล้องวงจรปิดเป็นอย่างดี ถึงได้ถอดระบบและทำลายหลักฐานหลายจุด โดยขณะเกิดเหตุสัญญาณเตือนได้ดังไปยังบริษัท secom ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยและได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดู แต่ไม่สามารถเข้าร้านได้ เนื่องจากไม่ได้ให้กุญแจภายในไว้ให้ ไม่เช่นนั้นคงจับตัวคนร้ายได้ ซึ่งหากผู้ใดทราบเบาะแสคนร้าย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจหากจับคนร้ายได้ ตนจะมีรางวัลนำจับมอบให้เป็นเงิน 20,000 บาท

ร.ต.อ.ฐานิต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน รวมถึงลายนิ้วมือแฝงคนร้าย ซึ่งสันนิษฐานว่า คนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุอาจรู้ความเคลื่อนไหวของทางร้านเป็นอย่างดี เนื่องจากทราบว่า บริเวณชั้น 2 ไม่ได้ล็อกประตู และรู้วิธีที่จะหลบหลีกเข้ามาในตัวอาคาร รวมถึงรู้จุดติดตั้งระบบเซิร์ฟเวอร์ป้องกันความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด เบื้องต้นติดตามรถต้องสงสัยที่เชื่อว่า คนร้ายจะใช้เป็นยานพาหนะในการมาก่อเหตุ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป