เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการขอความช่วยเหลือจาก น.ส.อรทัย รำนา อายุ 25 ปี ชาว จ.ตรัง บอกเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 65 ที่ตนได้ไปยืมเงินกับ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นคนรู้จัก จำนวน 9,000 บาท โดยใช้รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ มูลค่าประมาณ 4 แสนกว่าบาท ไปค้ำประกัน โดยนัดคืนเงินคืนรถกันหลังจากยืมประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อครบกำหนดตนจะคืนเงินและไถ่ถอนรถคืน แต่นางเอ กลับบ่ายเบี่ยง ไม่นำรถกระบะของตัวเองมาคืน ตนจึงได้เข้าไปแจ้งความให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ร.ต.อ.(หญิง) เกวลิน ชัยรัตน์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและรับเรื่อง เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 65

ต่อมาตนได้พยายามติดต่อและตามหานางเอ แต่ปรากฏว่าได้หนีหายไป ส่วนทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกถึง 2 ครั้งแต่กลับไม่มาพบ ช่วงเดือน เม.ย. 66 ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการออกหมายจับในข้อกล่าวหา ยักยอกทรัพย์ จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วกว่า 1 ปี 3 เดือน ยังไม่สามารถจับกุมนางเอ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังได้ ทำให้ตนซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะต้องแบกรับภาระในการดูแลลูกเล็กถึง 2 คน โดยการประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้เข้ามาวันละหลักร้อยบาท รวมถึงรถกระบะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันก็ไม่มี และยังต้องผ่อนเงินกู้ซื้อรถในทุกๆ เดือน

“ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังจากมีการออกหมายจับ ตนก็ได้เดินขึ้นสถานีตำรวจอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งว่า ส่งเรื่องไปให้กับทางฝ่ายสืบสวนแล้ว ซึ่งฝ่ายสืบสวนบอกกลับมาว่าอยู่ระหว่างติดตามตัว ต่อมาตนจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะติดตามหาเบาะแสที่อยู่ของนางเอ จนสืบทราบว่าน่าจะอยู่ในจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ โดยในเฟซบุ๊กและติ๊กต็อก มีการโพสต์ภาพและอัพคลิปวิดีโอ ทำงานและท่องเที่ยว ใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบายในทุกๆ วัน พร้อมกับอัพสตอรี่ชีวิตประจำวันเกือบจะทุกๆ 3 ชั่วโมง” เจ้าทุกข์ กล่าว

เจ้าทุกข์ กล่าวต่อว่า ตนจึงได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต่อมาเมื่อตนมาติดตามความคืบหน้า ทางตำรวจบอกว่าลงพื้นที่แล้วแต่หาตัวไม่เจอ และบอกให้ตนใจเย็นๆ เพราะอายุความของคดียาวถึง 10 ปี และชี้แนะให้ตนไปติดตามหาด้วยตนเอง หาพบตัวแล้วให้แจ้งมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ตนเดือดเนื้อร้อนใจมาก และทนไม่ได้กับพฤติกรรมของนางเอ ที่ใช้ชีวิตราวกับไม่ใช่ผู้ต้องหาหนีหมายจับ และให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดการติดตามจับกุมให้ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ารถตนไปอยู่ไหน อยากได้รับความเป็นธรรม เพราะผ่านมา 1 ปีกว่าๆ ติดตามคดีจนตำรวจบนโรงพักจำชื่อตนได้แล้ว และไปติดตามจนตัวเราเองละอายแก่ใจเองแล้ว คำตอบที่ได้จากตำรวจบ่อยมากคือ ตามแล้วแต่ไม่เจอ.