เมื่อวันที่ 13 มี.ค.กรณีนางสา หรือ “น้องสา” อายุ 32 ปี (THUZAR AUNG) สัญชาติเมียนมา ที่ทำงานเป็นพนักงานชงกาแฟอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง อ.เมืองนครศรีธรรมราช และเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาวจำหน่ายสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวทางออนไลน์ ซึ่งได้หายตัวออกไปจากหอพักตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเพื่อนได้แจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และพบถูกฆ่าในบ่อน้ำร้าง หลังวัดท้าวโคตร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมาและสามารถจับกุมคนร้ายได้ คือนาย นายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ “นาย ท้าวโคตร” อายุ 27 ปี อดีตสามี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สอบสวนปากคำนายพิทญา บุญญัติศักดิ์ หรือ”นาย ท้าวโคตร” อายุ 27ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าสาวพม่าอยู่นานกว่า 3 ชม.การสอบสวนปากคำก็เสร็จสิ้นและทางตำรวจได้มีการให้นายพิทญา หรือ นาย ผู้ต้องหาเซ็นชื่อคำให้การและคำรับสารภาพฯและสงวนสิทธิไม่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายพิทญา  ผู้ต้องหาออกจากห้องสอบสวนไปยังห้องขัง โดยนายพิทญา หรือนายได้ร่ำไห้ตลอดเวลา และก่อนตำรวจนำเข้าห้องขังนายพิทญา กล่าวว่า ผมขอโทษว่าผมเสียใจครับกับเรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่มีเจตนาที่จะตั้งใจฆ่าเขาเลยตนขอโทษคนตายและญาติคนตายด้วย ตนยอมรับว่ารักผู้ตายมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ตนไม่ทำเด็ดขาด ตนอยากไปขอโทษอยากไปไหว้ศพอดีตเมีย

นายพิทยา อ้างว่า ในนาทีก่อเหตุฆ่าแฟนสาวชาวเมียนมาตนแทงไปที่ลำคอ 1 ครั้ง ซึ่งเขาจะพยายามจะส่งเสียงร้อง ตนจึงจับปิดปากจนเขาแน่นิ่งเสียชีวิตไป จากนั้นตนได้นอนกดศพร่ำไห้อยู่นานหลายชั่วโมง ก่อนใช้ผ้าห่มห่อศพลากพาศพไปทิ้งบ่อร้าง ภายในกุฏิร้างภายในวัดที่อยู่ห่างแค่ 30-40  เมตร ดังกล่าว โดยได้เอาสร้อยทองคำไปขายในตอนรุ่งเช้าอีกวันได้เงินกว่า 8 หมื่น แล้วหลบหนีไปไปที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และหลังจากทราบข่าวว่าตำรวจพบศพน้องสา แล้วจึงติดต่อมอบตัว

สำหรับชนวนเหตุเกิดจากความหึงหวง เพราะในขณะนั้นตนอยู่กับผู้ตายในห้องนอนกัน 2 คน ได้มีผู้ชายคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามือของผู้ตายตนเลยถามว่าเป็นใคร แต่ผู้ตายไม่ยอมบอกทำให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน ยื้อแย่งโทรศัพท์ และตนได้บันดาลโทสะ เอามีดในมีอยู่ในห้องแทงผู้ตาย เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวเข้าห้องขัง เพื่อเตรียมฝากขังในวันพรุ่งนี้ ( 14 มี.ค.)