เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 14 มี.ค. นางณิชาภัทร อายุ 46 ปี แม่อาชีพผู้ดูแลเด็กสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี นายจักรพันธ์ อายุ 36 ปี พ่ออาชีพธุรกิจส่วนตัว พร้อมลูกชายอายุ 13 ปี ได้เดินทางมาที่ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกชาย ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ถูกครูฝ่ายปกครองตบบ้องหูอย่างแรง โดยแพทย์มีการวินิจฉัย “เยื่อแก้วหูขวาฉีกขาดจากเหตุทำร้ายร่างกาย” ทำให้หูที่ถูกตบไม่ได้ยิน มีอาการปวดและต้องวางแผนการรักษาระยะยาว ทั้งนี้หลังแจ้งความไป คดีก็ไม่มีความคืบหน้า จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล

นางณิชาภัทร ไพฑูรย์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามบุตรชายเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 67 บุตรชายตนเองเดินทางไปถึงโรงเรียนเวลาประมาณ 08.10 น. โดยกำลังเดินไปเข้าแถว ครูฝ่ายปกครองที่ทำร้ายเดินมาพอดี จากนั้นก็พูดว่า ”ทำไมพวกมึงไม่ไปเข้าแถวกัน” มาๆ คนละทีแล้วไปเข้าแถว ตอนนั้นมีนักเรียน 4 คน ลูกตนเองเป็นคนสุดท้าย คนแรกก็ถูกตบคนละที ส่วนคนอื่นโดนบริเวณหัวเพราะหลบ แต่บุตรชายบอกว่าไม่ได้หลบ จึงถูกตบเข้าที่บ้องหูข้างขวาอย่างแรง เพราะปกติครูคนนี้ไม่เคยทำโทษแบบนี้ เมื่อโดนตบไป ในหูก็มีเสียงกังวาน จากนั้นก็วิ่งไปเข้าแถว ครูก็ไปเดินตรวจแถวก็พบว่าแต่งตัวผิดระเบียบ โดยครูยังบอกว่า “นักเรียนเห้..อะไรใส่กางเกงยีนมาโรงเรียน มึงกลับบ้านมึงไปเลย” ลูกชายก็ว่าจะกลับไปเปลี่ยนชุด แต่ครูบอกว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ไปตามงานต่อให้เสร็จแล้วกัน จากนั้นเลิกแถวไปประมาณ 10 นาที ก็พบว่ามีน้ำอะไรออกมาจากรูหู เมื่อเอากระดาษทิชชูเช็ดดูก็พบว่าเป็นเลือด

นางณิชาภัทร กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลา 17.00 น. หลังจากตนเองเลิกงานมา บุตรชายบอกว่า แม่พรุ่งนี้ลางานให้หน่อย จึงถามว่าเป็นอะไรทำไมต้องให้แม่ลา ลูกจึงเล่าให้ฟังว่าถูกตบมา เมื่อตรวจสอบพบว่าที่หูข้างขวามีรอยแดง มีรอยแหวนที่ถูกตบมีเลือดไหล จึงโทรฯ บอกสามีว่ากลับมาเดี๋ยวพาลูกไป รพ. กัน แต่ก่อนไป รพ. ได้เดินทางไปที่ สภ.หนองแค เพื่อแจ้งความไว้ก่อน ทางตำรวจเลยส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.หนองแค แต่เด็กมีอาการปวด จากนั้นได้ย้ายไปที่ รพ.สระบุรี เพื่อทำการตรวจรักษาเลย แต่ในระหว่างนั้นได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสามีตนเองกับครู โดยครูบอกว่า ในขณะที่ทำมีอารมณ์ชั่ววูบ พร้อมทั้งกล่าวหาว่า ลูกชายยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ตนเองจึงให้แพทย์ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของลูกชายมาด้วย แต่ก็ไม่พบ พอลูกได้ยินว่าครูพูดแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจ เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ทั้งนี้ตนเองได้ไปตามเรื่องที่ สภ.หนองแค ร้อยเวรบอกว่าต้องรอผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล เพื่อมาประกอบสำนวนคดี หลังจากนั้นก็เป็นตนเองซะส่วนใหญ่ ที่ติดต่อเข้าไปที่ตำรวจ ซึ่งใบรับรองแพทย์ก็ออกมาแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.หนองแค เพื่อให้มีการนัดสอบสหวิชาชีพและเร่งดำเนินคดีกับครูผู้ก่อเหตุ และผู้ปกครองมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับครูในข้อหาหมิ่นประมาทอีกด้วย.