เมื่อวันที่ 15 มี.ค. จากกรณี พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่ม ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา นำกำลังไปจับกุม “ร.ต.อ.” ตำแหน่ง รองสารวัตรป้องกันปราบปราม อายุ 40 ปี ตำรวจในสังกัด มีพฤติกรรมเสพยาบ้าจนมีอาการผิดปกติ ก่อนตรวจค้นภายในห้องพักพบยาบ้า 3 เม็ด เมื่อนำไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบมีผลเป็นบวก เมื่อสอบสวนเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่า เสพยาบ้าจริง แต่เจ้าตัวสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดยาบ้าของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ส่วน “ร.ต.อ.” ได้ส่งตัวไปบำบัดที่สถานพยาบาลยาเสพติดตามขั้นตอน

พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ที่นำกำลังไปจับกุมลูกน้องของตนเอง แสดงถึงความเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา หลังจับกุมได้รายงานให้ตนรับทราบในทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลว่า ร.ต.อ.รายนี้ มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแค่ไหน ดูเส้นทางของยาเสพติดมาอย่างไร มีใครเกี่ยวข้องอีกบ้าง

ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และเร่งดำเนินการเอาผิดทางวินัยร้ายแรง มีโทษหนักถึงขั้นไล่ออกจากราชการ เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้พิทักษ์รักษากฎหมาย แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเสียเอง เป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อน เคยลงโทษไล่ออกจากราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ดาบตำรวจ สังกัดภูธร จ.นครราชสีมา ซึ่งมีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาแล้ว ส่วนความผิดทางอาญา แม้เจ้าตัวขอรับการบำบัด และเจอครอบครองยาบ้า 3 เม็ด แต่ต้องมีโทษหนักเป็น 2 เท่าของประชาชนทั่วไป เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่มาทำผิดเสียเอง

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่า ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สภ.เมืองนครราชสีมา ทั้งหมด 400 นาย ในส่วนงานป้องกันและปราบปรามมีจำนวน 150 นาย โดย ร.ต.อ.นายนี้ ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานสายตรวจนอกเครื่องแบบ และเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลอาจเล็ดลอดสายตาของตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลไม่ทั่วถึง

ด้าน นายไพศาล อัครรัตนดิลก หรือ ทนายนินจา ทนายความ ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกฎหมาย ควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม เรื่องนี้ส่งผลกระทบเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจ แม้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่ทำให้ระบบองค์กรเสียหาย ไม่ไว้หน้าผู้บังคับบัญชา ไม่คิดถึงคนในครอบครัว ไม่คิดถึงสังคม เรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาต้องดำเนินการเอาผิดทั้งอาญาและวินัย ส่วนใหญ่ก็น่าจะถูกไล่ออกจากราชการ ไม่เอาไว้แน่.