สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวระหว่างการเยือนกรุงมะนิลา เมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ รับตำแหน่ง เมื่อกลางปี 2565 ว่าทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางเดินเรือที่มีความสำคัญกับฟิลิปปินส์ ทั้งในทางความมั่นคงและเศรษฐกิจ


อย่างไรก็ดี บลิงเคนกล่าวว่า ทะเลแห่งนี้มีความสำคัญต่อทั้งภูมิภาค สหรัฐ และโลกใบนี้ด้วย จึงเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลวอชิงตันจึงยืนหยัดเคียงข้างฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ โดยเป็นไปตามกรอบของข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี


อนึ่ง สหรัฐกล่าวมาตลอด ว่าเหตุเผชิญหน้าและการปะทะ ระหว่างเรือของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ กับเรือลาดตระเวนของจีน ถือเป็น “ความชอบธรรม” ที่สหรัฐจะสามารถดำเนินการ ตามสนธิสัญญาความมั่นคงกับฟิลิปปินส์ ที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2494 เนื่องจาก “อธิปไตยของฟิลิปปินส์ถูกรุกราน”


ขณะที่จีนเคยกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่า “สหรัฐอย่าอาศัยฟิลิปปินส์เป็นเครื่องมือ เพื่อกระตุ้นปัญหาในทะเลจีนใต้” และ “ฟิลิปปินส์ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลวอชิงตัน”


ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เชิญผู้แทนการทูตระดับสูงของจีน ให้เข้าพบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังเรือบรรทุกเสบียงของกองกำลังยามฝั่งฟิลิปปินส์ ปะทะกับเรือของเจ้าหน้าที่ยามฝั่งจีน บริเวณแนวสันดอนโธมัสที่สอง ใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลูกเรือของฟิลิปปินส์ 4 นายได้รับบาดเจ็บ


อย่างไรก็ตาม สำนักงานยามฝั่งจีนกล่าวว่า “เป็นการใช้มาตรการควบคุม” ต่อการที่เรือของฟิลิปินส์ รุกล้ำแนวปะการังเหรินอ้าย และหมู่เกาะหนานซา ซึ่งเป็นชื่อที่จีนใช้เรียกแนวสันดอนโธมัสที่สอง และหมู่เกาะสแปรตลีย์.

เครดิตภาพ : AFP