เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระ 2 เรียงตามรายมาตรา จำนวน 41 มาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 67 พิจารณาเสร็จแล้ว เป็นวันสุดท้าย  เข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี จำนวน 35,434,895,500 บาท 

โดย น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย สงวนความเห็นขอตัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ลง 3 เปอร์เซ็นต์ 1,781 ล้านบาท ว่า งบประมาณเพื่อจัดซื้ออาวุธหนักเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย ประกอบด้วยปืนซุ่มยิ่งระยะไกลหรือสไนเปอร์ 10 ชุด 15.5 ล้านบาท, ปืนกล พร้อมอุปกรณ์ 20 ชุด 72 ล้านบาท, ปืนกลมือขนาด 9 มม. 4,000 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ 104 ล้านบาท, ปืนเล็กสั้น ขนาด 5.56 มม. จาก 3 โครงการ 2,000 กระบอก 274 ล้านบาท, รถปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม (จีโน่) 5 คัน 87 ล้านบาท และค่าซ่อมแซมรถฉีดน้ำแรงดันสูงควบคุมฝูงชน (จีโน่) ที่ชำรุด 5 คัน 47 ล้านบาท รวม 599.5 ล้านบาท 

“ถามว่าตำรวจมีอาวุธได้หรือไม่ ตอบว่ามีได้ แต่ข้อเท็จจริงต้องดูว่าตำรวจใช้อาวุธเหล่านี้กับใคร ด้วยจุดประสงค์อะไรและถือครองไว้จำนวนเท่าไหร่ เราต้องไม่ปล่อยให้ตำรวจตกเป็นเครื่องมือของรัฐ ผลักสังคมไปอยู่ในความรุนแรงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการสะสมอาวุธสงครามมากมาย” น.ส.พนิดา กล่าว 

จากนั้น น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ กรรมาธิการ (กมธ.) สัดส่วนพรรคก้าวไกล อภิปรายสงวนความเห็นปรับลดงบประมาณในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ว่า การจัดสรรงบประมาณของตำรวจมีปัญหาต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทั้งที่เป็นภารกิจหลักของตำรวจ หากเราพิจารณางบของ ตร.ในปีนี้ หรือหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากการได้รับงบประมาณน้อยเกินไป แต่เกิดจากการตั้งใช้งบประมาณกับบางอย่างที่เกินจริง ให้ความสำคัญผิดสัดส่วน ยกตัวอย่าง ค่าน้ำมันของสายตรวจที่ได้เดือนละ 7,000 บาท หากเป็นจักรยานยนต์จะได้เดือนละ 3,500 บาท ทั้งที่ต้องใช้ขับลาดตระเวนทั้งวัน ทำให้ตำรวจต้องลดการลาดตระเวนหรือใช้วิธีการตรวจเมื่อมีการแจ้งเหตุแทน และยังต้องออกค่าน้ำมันส่วนเกินเอง ขณะที่โครงการอื่นๆ เช่น โครงการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือ จิตอาสา 904 ที่มีงบประมาณ 157 ล้านบาท กลับได้ค่าน้ำมันอย่างไม่ขัดสน แค่รับส่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ค่าน้ำมันเที่ยวละ 1,000 บาท ไปกลับตกวันละ 2,000 บาท นอกจากนี้ จิตอาสา 904 ยังมีค่าน้ำมันในกิจกรรมสร้างจิตสำนึกปีละ 3.32 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 2.7 แสนบาท หากเทียบกับตำรวจสายตรวจที่ต้องวิ่งตรวจความปลอดภัยทั้งวัน จิตอาสา 904 ก็ยังได้ค่าน้ำมันมากกว่าตำรวจเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ 

น.ส.ณธีภัสร์ กล่าวว่า งบประมาณอีกส่วนที่ตั้งไว้สูงคือค่าเช่ารถ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีรถจำนวนมากทำให้ค่าเช่าย่อมสูงตามไปด้วย ปีนี้ 3,000 กว่าล้านบาท โดยที่ค่าเช่ารถในแต่ละปีมีราคาสูงกว่าความเป็นจริงมาก ยกตัวอย่าง รถที่เช่าอยู่ 2 รุ่น คือ โตโยต้าคัมรี่ จากโครงการบริการประชาชน ที่เช่าอยู่ 215 คัน ค่าเช่าเดือนละ 37,630 บาทต่อคัน แต่ความเป็นจริงให้เช่าในราคา 30,700 บาท เท่ากับตำรวจเช่าแพงถึง 20% ส่วนรถเบนซ์ เอส 350 จากโครงการถวายความปลอดภัย เช่าอยู่ 8 คัน ค่าเช่าเดือนละ 165,500 บาทต่อคัน แต่ความเป็นจริงเช่าในราคา 137,116 บาท เท่ากับตำรวจเช่าแพงกว่า

ขณะที่นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบประมาณของ สตช.ที่ไม่จำเป็น และขอทุกปี ซึ่งสิ่งที่ควรลดหรือตัดออกไปเลย คือค่าตอบแทนอาสาสมัครตำรวจบ้าน 26.24 ล้านบาท  ตนเข้าใจว่าภารกิจของตำรวจมีมากและจำเป็นที่จะต้องมีอาสาสมัครมาช่วยเหลือ แต่อาสาสมัครเหล่านี้มี 10 คนต่อสถานีตำรวจ แต่ค่าตอบแทนที่ให้กับอาสาสมัครนี้ เบิกงบต่อคนต่อปีแค่ 1,800 บาท และว่าเป็นเพียงสินน้ำใจ ถ้าเป็นสินน้ำใจการทำงานทั้งปีแล้วได้เพียงนี้ สิ่งแรกที่ตำรวจต้องทำคือต้องแจ้งข้อหาตัวเองก่อนเลย ที่ให้ค่าแรงที่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ หรือถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ก็ควรหางบมาทำเป็นหลักแหล่งชัดเจน หวังว่า สตช.จะตัดลดงบ เพื่อให้กำลังพลได้มีบ้านพักอาศัยที่ดี มีสวัสดิการ และน้ำมันเพียงพอ เมื่อการจัดสรรงบไม่เป็นผลแบบนี้ ตนขอปรับลดทั้งหมด 5 เปอร์เซ็นต์

ด้านนายธเนศ เครือรัตน์ สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ฯ ชี้แจงว่า โครงการจัดซื้อปืนซุ่มยิงระยะไกล ปืนกล ปืนเล็ก ทั้งหมด 6,030 กระบอก สตช.ได้ใช้งบพับตั้งแต่ปี 64 มาจัดซื้อในปี 67 เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงโควิดจัดซื้อไม่ทัน จึงมาจัดซื้อในปีนี้ ซึ่งทางอนุ กมธ.ก็ไม่ได้ตัดลดในส่วนนี้ เนื่องจากทาง สตช.ชี้แจงว่าได้ส่งมอบและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว สำหรับค่าน้ำมันนั้น ทางคณะ กมธ.ทำเป็นข้อสังเกตให้ สตช.จัดสมดุลระหว่างรถประจำตำแหน่ง และรถสายตรวจแล้ว

ทั้งนี้ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบตามคณะ กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข ด้วยคะแนน 259 ต่อ129 งดออกเสียงไม่มี และไม่ออกเสียง 2 เสียง