สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า สำนักงานประสานงานกิจกรรมของรัฐบาลอิสราเอลในดินแดนยึดครอง หรือ โคแกต ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าอิสราเอลรับทราบและตระหนักรู้มาตลอด เกี่ยวกับผลกระทบอันเลวร้าย และความยากลำบากที่ประชาชนในฉนวนกาซากำลังเผชิญ


โคแกต ยืนยันว่า ไม่เคยขัดขวางกระบวนการลำเลียง และส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา โดยเฉพาะอาหาร แต่เป็นเพราะสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งไม่สามารถจัดหา และส่งมอบความช่วยเหลือเหล่านั้น ให้เพียงพอแก่ประชาชนที่รอรับการแจกจ่ายสิ่งของในแต่ละวัน


ทั้งนี้ โคแกตตั้งคำถามเกี่ยวกับการที่ยูเอ็นระบุในรายงาน ว่าในช่วงก่อนเกิดสงคราม มีการส่งรถบรรทุกลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซา วันละ 150 คัน ในจำนวนนี้ 150 คัน เป็นรถบรรทุกอาหาร เนื่องจากข้อมูลของโคแกตระบุชัดเจน ว่าจากจำนวนดังกล่าว เป็นรถบรรทุกอาหารเพียง 70 คันเท่านั้น


รายงานดังกล่าวของโคแกตได้รับการเผยแพร่ หลังการจัดอันดับความมั่นคงทางอาหารแบบบูรณาการ (ไอพีซี) ซึ่งเป็นดัชนีกลางที่สหประชาชาติใช้วัดความมั่นคงทางอาหาร บนฐานของภาวะวิกฤติในการดำรงชีพ พบว่า ชาวปาเลสไตน์ราว 1.1 ล้านคนในฉนวนกาซา คิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด กำลังอยู่บนความเสี่ยงของการเผชิญกับภาวะอดอยาก เนื่องจากสงครามที่ยืดเยื้อ.

เครดติภาพ : AFP