สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี กล่าวถึงผลการเลือกตั้งท้องถิ่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคสาธารณรัฐประชาชน (ซีเอชพี) ที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน กวาดชัยชนะในส่วนของการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองใหญ่ไปได้แทบทั้งหมด โดยเฉพาะเมืองใหญ่สามอันดับแรกของประเทศ คือ เมืองอิสตันบูล กรุงอังการา และเมืองอิซเมียร์ “คือจุดเปลี่ยน” ทางการเมืองของประเทศ


ทั้งนี้ เออร์โดกันยืนยัน การเคารพการตัดสินใจของประชาชน และจะนำผลการเลือกตั้งมาทบทวน เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสม
ขณะที่ผู้สันทัดกรณีทางการเมืองภายในตุรกี กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นสถิติย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา (เอเคพี) ของเออร์โดกัน ขึ้นสู่อำนาจสูงสุดทางการเมือง เมื่อปี 2545 และผูกขาดการเป็นพรรครัฐบาลจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ แน่นอนว่า คือเรื่องเศรษฐกิจ ที่อัตราเงินเฟ้อตอนนี้สูงถึง 67% และการอ่อนค่าอย่างหนักของเงินลีรา ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังย่ำแย่ตลอดปีที่ผ่านมา


แม้พรรคซีเอชพีครองตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูล และกรุงอังการา ตั้งแต่ปี 2562 แต่การที่ผลคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้ ปรากฏว่า ผู้สมัครของพรรคซีเอชพีทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคเอเคพีมากขึ้น บ่งชี้ “กระแสต่อต้านเออร์โดกัน” ที่เพิ่มสูงขึ้น


ด้านนายออซกูร์ โอเซล หัวหน้าพรรคซีเอชพี แสดงความพึงพอใจกับผลการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ “เป็นการสร้างบรรยากาศการเมืองใหม่”


อนึ่ง การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของเมืองทุกแห่งในทั้ง 81 จังหวัดของตุรกี โดยมีผู้มีสิทธิออกเสียงราว 61 ล้านคน และฝ่ายรัฐบาลเคยประกาศว่า สนามแข่งขันที่เมืองอิสตันบูลถือเป็น “ขุมสมบัติ”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES