เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ออกมาระบุว่า ได้มีการหารือกับรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะให้แก้ไขกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการกำหนดปริมาณยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ถือเป็นผู้เสพต้องเข้ารับการบำบัด ว่า ขณะนี้กฎกระทรวงออกมาที่ไม่เกิน 5 เม็ด ส่วนจะปรับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันในเชิงนโยบาย แต่ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะปรับเหลือ 1 เม็ด หรือ 2  เม็ด หรือ 3 เม็ด หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริง คือ กฎกระทรวงในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเคยเสนอให้กำหนดที่ 1 เม็ดโดยผ่านการรับฟังความเห็นระดับกระทรวงเรียบร้อยแล้ว และส่งเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสมัยนั้น แต่ก็ถูกตีตก ครม.ไม่เห็นชอบ พอตีตกก็ต้องเอากลับมาทำใหม่ ในรัฐบาลชุดนี้ ที่ตนมารับหน้าที่ทำใหม่ และเสนอขึ้นไปที่ 5 เม็ด ถึงผ่าน

“ก่อนหน้านั้น ข้อเท็จจริงยังมีอีก เริ่มแรกสุด กฎหมายออกเมื่อปี 2564 มีการเสนอกฎกระทรวงขึ้นไปที่ 15 เม็ด ผ่าน ครม.แล้ว  ก็ไปตกในชั้นของกฤษฎีกา ทำให้ข้อเสนอ 15 เม็ดไม่ผ่าน เลยมาที่การดำเนินการกรณี 1 เม็ด ก็ไม่ผ่านอีก ดังนั้นคำถามที่ว่าการกำหนด 1 เม็ดจะเป็นไปได้ไหม ผมว่า ต้องเอาข้อเท็จจริงเดิมๆ มาดูว่า ความคิด ความเห็นเดิมนั้นเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับ” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า เหตุผลที่การกำหนดปริมาณ 1 เม็ด หรือ 15 เม็ด ไม่ผ่านเพราะอะไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เหตุผลที่ 1 เม็ดไม่ผ่าน ซึ่งมีการอภิปรายในสภาเยอะมาก โดยเฉพาะในสมาชิกวุฒิสภา ชั้นการอภิปรายห้องประชุมใหญ่ ชั้นกรรมาธิการ และความเห็นของหลายภาคส่วน โดยสรุปความเห็นว่า การกำหนด 1 เม็ด เป็นผู้เสพนั้นไม่ช่วยแก้ปัญหา 1. จำนวนผู้ใช้ ยังถูกจับกุม คุมขังแบบเดิม ไม่ได้รับโอกาสในการเข้ารับการบำบัด ซึ่งหากพูดถึงการจับกุมนั้น จะกี่เม็ดก็จับกุมอยู่แล้ว แต่เขาสันนิษฐานเพื่อให้เข้าสู่การบำบัด หากสันนิษฐานแค่ 1 เม็ด โอกาสเข้าสู่การบำบัดก็น้อยลง แต่จะถูกคุมขังมากขึ้น ถูกตีตราว่าติดยา เข้าสถานพินิจ เหมือนกฎหมายเดิม ซึ่งเขามองว่าไม่ได้ผล 2. ที่คุมขังไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ติดยา ที่มีกว่า 1.9 ล้านคน แต่ที่คุมขังรับได้แค่แสนกว่าคน ขณะนี้ผู้ต้องขังก็ล้นคุกอยู่แล้ว หากจับเข้าไปอีกก็ไม่มีที่คุมขัง แต่หากเปลี่ยนมาเป็นผู้เสพก็ยังมีที่บำบัด เหมือนเป็นการคุมขังในที่บำบัด และ 3. การจับ คุมขังแบบเดิมไม่ได้ผล เพราะเมื่อเอามารวมกลุ่มกันเหมือนเป็นการเอาไปฝึกวิทยายุทธในการสร้างเครือข่ายค้ายาเสพติดให้มากขึ้น

ส่วน 15 เม็ด เห็นว่า ไม่แตกต่างจากกฎหมายเดิม ที่ให้สันนิษฐานว่า 15 เม็ดขึ้นไป มีไว้เพื่อจำหน่าย ก็ดำเนินการตามกฎหมายเลย หากต่ำกว่า 15 เม็ดก็ไปพิจารณาพฤติกรรมก่อนตัดสินว่าจะบำบัดอย่างไร ดังนั้นหากกำหนด 15 เม็ด จึงไม่น่าจะแตกต่างจากกฎหมายเดิม และยังจะเป็นการส่งเสริมให้มีการเสพมากขึ้นด้วย เพราะครอบครองได้ถึง 15 เม็ด และเอื้อต่อการค้ารายย่อย เพราะเมื่อดูพฤติกรรมผู้ค้ารายย่อย การซื้อเสพประจำวัน จะมีการทำแพ็กเกจที่ 10 เม็ด ซื้อขายง่าย