นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี67 ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้าง 17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและ ธปท.เป็นหลัก ส่วนการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) มีมูลค่า 207,126 ล้านบาท ลดลง  24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่เรตติ้งเอรอให้ปรับลดดอกเบี้ย 

นโยบาย และยังมีเงินสดในมือค่อนข้างมาก  มีแหล่งระดมเงินในช่องทางอื่น เช่น มีวงเงินกู้แบงก์ที่ดอกเบี้ยถูกกว่าออกหุ้นกู้เหลืออยู่ 

“การออกหุ้นกู้ลดลงสมเหตุสมผลกับการบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสมกับภาวะตลาด และหุ้นกู้ที่ออกส่วนใหญ่กว่า 93% อยู่ในกลุ่มอินเวทเม้นเกรด กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เงินทุนและหลักทรัพย์ และอาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้งเชื่อว่า เมื่อดอกเบี้ยลดลงแล้ว จะกลับมาสนับสนุนตลาดหุ้นกู้ ดังนั้นสมาคมฯยังคาดว่าปีนี้มียอดออกหุ้นกู้ที่ 900,000 ล้านบาท ถึง1 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายเดิม”

ขณะที่ กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศของนักลงทุนต่างชาติในไตรมาส 1 ของปี67 เป็นการขายสะสมสุทธิตราสารหนี้ไทยจำนวน 34,305 ล้านบาท ทำให้มีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 9 แสนล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี67 คิดเป็นสัดส่วน 5.3% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยตราสารหนี้ไทยที่ผู้ลงทุนต่างชาติถือครองมีอายุคงเหลือเฉลี่ย 8.8 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8.6 ปี เมื่อสิ้นปี66