เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในรัศมีการลักลอบขนย้ายสารเคมีแคดเมียมที่อาจเป็นสารก่อมะเร็ง จำนวน 15,000 ตัน ที่ จ.สมุทรสาคร ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนและไม่นิ่งดูดาย โดยในเบื้องต้น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข เข้าดูแลและควบคุมสถานการณ์อย่างทันท่วงที ซึ่งล่าสุด วันนี้ (5 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้สั่งการให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็ว พร้อมทั้งวางมาตรการเพื่อควบคุมสารอันตรายเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก โดย รมว.อุตสาหกรรม ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 และมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เดินหน้าสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต พร้อมทั้งอายัดกากแคดเมียม กากสังกะสี และส่วนของอื่นๆ ไว้เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว

นางรัดเกล้า กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษาฯ สั่งการด่วนให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (DSS Team) ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ พร้อมด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์ พร้อมลงพื้นที่และให้การสนับสนุนภารกิจกรณีกากแคดเมียมที่สมุทรสาคร เพื่อร่วมเฝ้าระวังควบคุมป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ เข้าตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีที่เกิดเหตุการณ์ รวมถึงสั่งการกรมควบคุมมลพิษให้เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนทั้งในโรงงาน ในอากาศ และแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อรายงานผลให้ประชาชนรับทราบโดยด่วน อีกทั้งยังสั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบโรงงานถลุงแร่ว่ามีการจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และได้ปฏิบัติตามมาตรการอีไอเอที่กำหนดหรือไม่ อีกทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครร่วมกับโรงพยาบาลสมุทรสาคร เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านสถานที่และผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม​ นอกจากนั้นได้เดินหน้า ตรวจสุขภาพพนักงานที่ทำงานและเป็นกลุ่มผู้สัมผัสและกลุ่มเสี่ยง นอกจากนั้นมีการกำหนดให้มีทีมงานด้านจิตใจลงพื้นที่เพื่อประเมินสุขภาพจิตของประชาชนอีกด้วย

“รัฐบาลทำงานกันเป็นทีม ร่วมมือกันดูแลและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเดินหน้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการทำความผิดจริง ประชาชนเชื่อมั่นได้ว่าจะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดและโปร่งใส่ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอีกด้วยที่ประกาศเขตภัยพิบัติทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ ทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนส่งผู้เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่” นางรัดเกล้า กล่าว