เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณณพันธ์ วานิช์ชานันท์ ผกก.4 บก.สอท.3 นำกำลังจับ น.ส.ชุติมา (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา และนายมานพ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว จ.สมุทรสงคราม ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.270-271/2567 ลงวันที่ 28 มี.ค. ในข้อหา “…ร่วมกันกับพวก ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน…” หลังออกอุบายหลอกเหยื่อสำรองจ่ายจองเที่ยวบินอ้างผลตอบแทนสูง

โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่นเฟซบุ๊ก ได้พบกับลิงก์เพจเชิญให้ร่วมลงทุนทำงานเกี่ยวกับการจองเที่ยวบิน โดยสำรองเงินจ่ายก่อน แล้วจะได้จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นงานที่ทำง่าย และรายได้ดี จึงหลงเชื่อจึงได้ร่วมลงทุนด้วย เมื่อกดลิงก์เข้าไปจะเป็นการเพิ่มเพื่อนในไลน์ และสอนวิธีการทำงาน รวมถึงกลยุทธ์ที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผู้เสียหายได้โอนเงินให้คนร้ายจำนวนหลายครั้ง โดยช่วงแรกเริ่มจะได้รับผลตอบแทนจริง แต่เมื่อมียอดเงินที่มากขึ้น จะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก รวมความเสียหายเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท การกระทำของคนร้ายดังกล่าวทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชี และบุคคลอื่นใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การจับกุมได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 ยังนำกำลังไปจับกุม นางสาวอร (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ชาว จ.อุทัยธานี ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 6/2566 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ในความผิด “…ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด…” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้องน้ำวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท หลังก่อเหตุหลอกอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยการอ้างเป็นทหารหมอหนุ่มสหรัฐอเมริกา ออกอุบายว่า จะส่งของมีค่ามาให้ เพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ต้องเสียภาษีเป็นเงิน 3.4 ล้าน เหยื่อหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไป ภายหลังถูกหลอกจึงได้แจ้งความ ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่า เจ้าของบัญชีคือผู้ต้องหา จึงได้นำกำลังจับกุม

สอบสวนผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การอ้างว่า เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับนี้จริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ โดยเมื่อประมาณปี 65 ได้มีเพื่อนของตนมาอ้อนวอนขอให้เปิดบัญชีธนาคารให้ โดยระบุว่าจะเอาไปใช้ทำธุรกิจด้วย ซึ่งตอนนั้นเพื่อนอ้างว่าไม่สามารถเปิดบัญชีได้ ตนหลงเชื่อจึงยอมไปเปิดบัญชีให้ กระทั่งไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนรายนี้อีก มาทราบอีกทีก็ถูกจับกุมแล้ว คาดว่าบัญชีที่เปิดให้เพื่อนถูกมิจฉาชีพนำไปใช้หลอกประชาชนคนอื่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฏหมาย.