เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงกรณีเครื่องบินพาณิชย์เมียนมาลงจอดที่ประเทศไทย ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่า ประเด็นแรก ผู้ลี้ภัยจากสงครามเมียนมา ที่หลบหนีเข้ามาทางฝั่งไทย ทางด้านกองทัพภาคที่ 3 มีการเตรียมการตั้งแต่ปีที่ 66 ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์สู้รบฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอด และอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีการสู้รบในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา มาโดยตลอด ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา และมีผู้อพยพเข้ามายังค่ายผู้อพยพ ที่อำเภอแม่สอด และอำเภอแม่สะเรียง และทางกองทัพ  ดูแลและให้ความเป็นธรรม ตามหลักสิทธิมนุษยชน

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลของเมียนมาที่จังหวัดเมียวดี สูญเสียฐานที่มั่น โดยทางกองทัพไทย ให้ทางรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ได้เจรจากันในเรื่องของความช่วยเหลือ ทั้งการนำเครื่องบินพาณิชย์มารับข้าราชการ และครอบครัว ที่อยู่ในจังหวัดเมียวดี ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องพูดคุยกับรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้าน

นายจิรายุ ยังกล่าวยอมรับว่า เครื่องบินเมียนมา ที่มาลงจอดสนามบินแม่สอด เป็นการอพยพข้าราชการของรัฐบาลเมียนมา ที่เขาขอข้ามฝั่งมาเพื่อขึ้นเครื่องบิน เหมือนกับตอนที่เราส่งเครื่องบินของกองทัพไทย ไปรับคนไทย ที่ทำงานต่างประเทศ 

เมื่อถามว่า มีข่าวถึงการขนเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์มาด้วยนั้น นายจิรายุ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดา ไม่สามารถที่จะขนอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อยู่แล้ว และสนามบินแม่สอด ก็เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ ไม่สามารถที่จะดำเนินการเช่นนั้นได้อยู่แล้ว 

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีของไทย ยืนยันว่า เป็นเครื่องบินที่มารับข้าราชการ กลับไปยังเมืองเนปิดอว์ เมืองหลวงเมียนมา แต่ข้อมูลอีกด้าน วันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ไม่ได้พูดว่า เป็นการขนข้าราชการรัฐบาลเมียนมา บอกเพียงเป็นการขอ เพื่อขนย้ายพลเรือนตามปกติ.