นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กร และกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งในเรื่องมาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์, มาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และมาตรการที่เป็นการเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน

โดยกลุ่มมาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ ได้มีทบทวนหลักทรัพย์ที่ ShortSelling ได้ กรณี Non-SET 100 จะต้องมีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 7,500 ล้านบาท ต้องมีปริมาณการซื้อขาย (Turnover Ratio) เฉลี่ยใน 12 เดือนที่ระดับ 2% ประกอบกับยังมีการเพิ่มราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) ให้ขายชอร์ตในทุกหลักทรัพย์ได้ ที่ราคาที่สูงกว่า Uptick จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick) ซึ่งคาดว่าจะทำให้การทำธุรกรรมขายชอร์ตทำได้ยากขึ้น คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงไตรมาส 2 ปี67

ขณะที่มาตรการกำกับการซื้อขายนั้น จะมีการเพิ่มมาตรการ Auction โดยจะกำหนดให้ใช้วิธีการซื้อขายแบบ Auction หรือเปิดจับคู่ซื้อขายวันละ 3 รอบ กับหลักทรัพย์ที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับที่ 2 ซึ่งเพิ่มเติมจากมาตรการอื่นๆ ที่ยังคงใช้บังคับอยู่และจะสุ่มเวลาจับคู่เหมือนหุ้นปกติ โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงไตรมาส 3/67

ส่วนการเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น กำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของราคา (ที่แคบกว่า Celling& Floor) เอาไว้เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเร็วเกินไป คาดว่าจะมีะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 2/67

อย่างไรก็ตาม ตลท. จะจัดให้มี Central Platform ในการ Check หลักทรัพย์ก่อนขาย เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับบริษัทสมาชิกและตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการตรวจสอบ Availability ของหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนก่อนขาย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหน้าที่เป็นคนทำแพลตฟอร์มและให้สมาชิกนำส่งข้อมูลมารวบรวมในแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงปลายไตรมาส 4/67