มาวิส อัลวาเรซ หญิงสาวชาวคิวบาซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับดิเอโก มาราโดนา นักบอลชื่อดังระดับตำนานผู้ล่วงลับ เมื่อ 20 ปีก่อน กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า นักบอลคนดังของอาร์เจนตินาเคยข่มขืนเธอตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่นและได้ “ขโมยวัยเยาว์” ของเธอไป

อัลวาเรซ ซึ่งปัจจุบันอายุ 37 ปี ให้การในศาลของกระทรวงยุติธรรมแห่งอาร์เจนตินา ซึ่งกำลังสืบสวนคดีที่เธอยื่นฟ้องอดีตคณะผู้ติดตามมาราโดนาในข้อหาค้ามนุษย์ โดยมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในช่วงที่เธออายุได้ 16 ปี

มาราโดนา ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกคนหนึ่ง เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ในวันที่ 25 พ.ย. 2563

การฟ้องร้องเกี่ยวพันกับกรณีที่ อัลวาเรซ เคยเดินทางไปยังอาร์เจนตินากับมาราโดนาเมื่อปี 2544 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุได้ 40 ปี ขณะที่เธออายุเพียง 16 ปี

อัลวาเรซ กล่าวว่า เธอพบนักบอลคนดังครั้งแรกเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนออกเดินทาง เมื่อเขาอยู่ในคิวบาเพื่อไปรักษาอาการติดยาเสพติด

ในงานแถลงข่าวที่กรุงบัวโนสไอเรส อัลวาเรซ กล่าวว่า มาราโดนาเคยข่มขืนเธอในคลินิกแห่งหนึ่งในฮาวานา ซึ่งเป็นที่พักของเขาในตอนนั้น ขณะที่แม่ของเธอก็อยู่ในอีกห้องหนึ่ง

“เขาอุดปากฉันไว้ เขาข่มขืนฉัน ฉันไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนั้นเท่าไหร่” อัลวาเรซ กล่าว

“ฉันเลิกเป็นเด็กผู้หญิง ความไร้เดียงสาทั้งหมดของฉันถูกขโมยไปแล้ว มันยากนะที่คุณต้องหยุดใช้ชีวิตแบบไร้เดียงสาที่เด็กผู้หญิงในวัยนั้นเขาเป็นกัน”

มาทิอัส มอร์ลา ซึ่งเป็นทนายความของมาราโดนาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ไม่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวในประเด็นนี้ และสำนักข่าวยังไม่สามารถระบุตัวทนายคนอื่น ๆ ของมาราโดนาได้

ก่อนหน้านี้ อัลวาเรซเคยพูดในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวว่า เป็นการสมยอม แต่ก็กล่าวว่า มาราโดนาเคยบังคับเธอให้มีความสัมพันธ์ด้วยไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง

เธอกล่าวว่าครอบครัวของเธอยินยอมให้เธอคบหากับนักบอลคนดัง ทั้งที่มีช่องว่างระหว่างวัยที่ห่างกันมาก เพราะความสัมพันธ์ฉันมิตรที่เขามีต่อฟิเดล คาสโตร ประธานาธิบดีคิวบาในตอนนั้น

มาวิส อัลวาเรซโชว์รูปถ่ายของ (จากซ้ายไปขวา) ตัวเธอเอง, ฟิเดล คาสโตรและมาราโดนา แก่สื่อมวลชนในงานแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีที่เธอยื่นฟ้องอดีตผู้ติดตามมาราโดนาในข้อหาค้ามนุษย์ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2564

ด้านรัฐบาลคิวบายังไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนอัลวาเรซกล่าวว่า เธอได้ยื่นฟ้องคดีนี้เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงทุกคนและเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทุกคนจากอาชญากรรมค้ามนุษย์ “เพื่อช่วยพวกเขาในทุกวิถีทางที่ฉันจะทำได้ ฉันคิดแบบนั้น”

เธอกล่าวว่าลำบากใจที่จะกลับไปยังอาร์เจนตินา ที่ซึ่งมาราโดนายังคงเป็นวีรบุรุษของคนส่วนใหญ่

“มันยากนะที่จะอยู่ในประเทศของเขา ได้เห็นเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง เขาเป็นไอดอล ขณะเดียวกันทุกอย่างที่ฉันจำได้เกี่ยวกับเขาในฐานะคนคนหนึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าชัง”

เครดิตภาพ : Reuters