เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พันเอกภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันนี้ ได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ ว่า มีการขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางสายรองจากบ้านบางตะพาบน้ำ หมู่ 5 ต.ละอุ่นเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เพื่อมุ่งหน้าข้ามจังหวัด เข้าพื้นที่ชั้นใน บ้านในหุบ หมู่ 4 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ โดยใช้เหล็กสมอบกเข้าทำการดักปิดกั้นเส้นทาง จนกระทั่ง พบรถยนต์ยอีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีเงิน ทะเบียน 4 กฒ 3590 กรุงเทพมหานคร ที่ต้องสงสัยผ่านมา ตรวจค้นภายในรถ พบคนขับชื่อ นายชาติสิริ รัตนานุพงษ์ หรือ เอก อายุ 29 ปี ชาวระนอง เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นภายในรถยนต์โดยสาร พบแรงงานชายชาวเมียนมา 21 คน นั่งอัดแน่นกันมาเหมือนปลากระป๋อง  โดยไม่ได้สวมใส่แมสก์ หรือ รักษาระยะห่าง ตามมาตรการสาธารณสุขป้องกันโควิด-19 แต่อย่างใด     

จากการสอบสวนนายชาติศิริ ให้การว่า ตนได้ขับรถบรรทุกขนชาวเมียนมาคืนนี้เป็นเที่ยวที่ 2 โดยรอบแรกตนได้นำชาวเมียนมา ไปไว้ในสวนปาล์มน้ำมันซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบชาวเมียนมาอีก 21 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 11 คน ซึ่งนั่งรอรถมารับอยู่ภายในสวน   

นายชาติสิริ ยอมรับว่า ยังมีแรงงานชาวเมียนมา ที่รอให้ตนไปรับเป็นเที่ยวที่ 3 อีก 21 ราย จากพื้นที่ หมู่ 2 บ้านทรายแดง ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับลำน้ำกระบุรีชายแดนไทย-เมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเร่งนำกำลังเข้าตรวจสอบต่อทันที และพบกับ นายเดชา พัฒน์ทอง อายุ 61 ปี ซึ่งเมื่อนายเดชาเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้วิ่งหลบหนีเข้าป่า แต่เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ โดยนายเดชา ยอมรับว่าได้รับค่าจ้างครั้งละ 500-1,000 บาท ทำหน้าที่ในการดูต้นทาง จากการตรวจค้นยังพบแรงงานเมียนมาบริเวณสวนมะพร้าวอีก 21 คน เป็นหญิง 16 คน ชาย 5 คนรวมแรงงานเมียนมา 63 คน

สอบสวนเบื้องต้นพบว่าแรงงานเมียนมาทั้งหมด เดินทางมาจากย่างกุ้ง เมืองทวาย และเมืองยะไข่ เดินทางมาโดยรถตู้โดยสาร มาพักที่อ.เกาะสอง จากนั้นจะมีกลุ่มนายหน้าเมียนมาพาขึ้นเรือหางยาวมาขึ้นที่ฝั่งไทย เพื่อจะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย และ อ.หาดใหญ่ โดยเสียค่าเดินทาง เป็นเงินคนละ 23,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป