นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ได้เปิดเผยกับ บีบีซีไทย ว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) บริษัทจะลงนามสัญญาเพื่อนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 กับ บริษัท ไบโอเอนเทค ที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไฟเซอร์ในเยอรมนี โดยจะมีหน่วยงานรัฐที่มีสิทธินำเข้าวัคซีนร่วมลงนามด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยชื่อหลังจากการลงนามแล้วเสร็จ

โดยการลงนามสัญญาที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการยืนยันจำนวนวัคซีนที่สั่งซื้อและนำเข้า หลังจากกระบวนการต่างๆ ดำเนินการมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ส่วนงานด้านเอกสารสำคัญ คำสั่งซื้อ ร่างสัญญาต่างๆ เตรียมไว้พร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่ทางด้านสหรัฐ เท่านั้นว่า จะอนุมัติตามที่ขอไป 20 ล้านโด๊ส ในระยะแรกหรือไม่

นพ.บุญ อธิบายในส่วนการขึ้นทะเบียนวัคซีน ว่า เนื่องจากเป็นวัคซีนไฟเซอร์ชนิดเดียวกันกับที่บริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับใช้ในไทยได้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว คาดว่า ใช้ระยะในการพิจารณาเพียงหนึ่งวัน หลังจากนั้นก็นำเข้าได้เลยภายใน 1 สัปดาห์ โดยเครือ รพ.ธนบุรี จะเป็นผู้กระจายวัคซีน

ส่วนหน่วยงานรัฐที่จะเป็นผู้นำเข้าตามข้อกำหนดของไฟเซอร์ที่จะขายวัคซีนให้หน่วยงานของรัฐเท่านั้น นพ.บุญ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อหน่วยงานในขณะนี้ โดยยืนยันว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากการเป็นผู้นำเข้าวัคซีน แต่ช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตอนนี้ต้องร่วมกันช่วยประเทศเป็นหลัก ซึ่งได้รับการขอร้องไม่ให้เอ่ยถึงชื่อหน่วยงานผู้นำเข้าจนกว่าจะมีการยืนยันทุกอย่างในวันที่พฤหัสบดีที่ 15 ก.ค. 2564 เท่านั้น และยังระบุถึงบุคคลสำคัญที่เข้ามามีส่วนช่วยในการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ดังกล่าวอีกคนคือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยช่วยประสานงานหลายจุดจนสำเร็จ

“ผมไม่โทษว่า เป็นความผิดของใครที่ไม่ติดต่อหรือไม่พยายามนำเข้า แต่เราประสานกับเขามาตั้งแต่เดือน ต.ค. นี่ก็ร่วม 8 เดือนแล้ว” นพ.บุญ กล่าว

จากข้อมูลของเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเผยแพร่ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2564 ได้ระบุถึงการอนุญาตให้ 5 หน่วยงานหลักมีสิทธิในการนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 1) กรมควบคุมโรค 2) องค์การเภสัชกรรม 3) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ 4) สภากาชาดไทย และ 5) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ทั้งนี้ นพ.บุญ ได้สะท้อนให้เห็นปัญหาการนำเข้าวัคซีนโดยภาคเอกชนที่ผ่านมาว่า ที่โรงพยาบาลของเขาไม่สามารถนำเข้าได้ เพราะติดเงื่อนไขในภาวะฉุกเฉินที่ผู้ผลิตจะต้องทำสัญญากับหน่วยงานรัฐเท่านั้น จนกระทั่งถึงเดือน เม.ย. ที่โควิด-19 เกิดระบาดหนักเป็นระลอกที่ 3 รัฐบาลจึงมีนโยบายเรื่องวัคซีนทางเลือก เพื่อให้เอกชนมีส่วนร่วมในการนำเข้าวัคซีนได้ หลังจากนั้นไม่นาน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็สามารถนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มได้ภายใน 2 สัปดาห์

“เราจึงเห็นว่าจะต้องใช้ช่องทางในลักษณะเดียวกัน โดยไม่ต้องผ่านองค์การเภสัชกรรมเพราะกระบวนการล่าช้ามาก”

โดยรัฐบาลไทยได้กำหนดให้วัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์เป็นหนึ่งในวัคซีนหลักที่รัฐจัดหาให้ประชาชน จึงทำให้บริษัทเอกชนรายอื่นๆ ไม่สามารถทำสัญญากับบริษัทไฟเซอร์ในไทยได้ และเป็นที่มาของการหาทางออกร่วมกันระหว่างผู้ผลิตวัคซีนจากสหรัฐอเมริกาว่า ให้ทำสัญญาผ่านบริษัทผู้ผลิตยา ไบโอเอนเทคของเยอรมนีแทน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์เช่นกัน

สำหรับแผนการส่งมอบวัคซีนลอตแรก คาดว่า จะขนส่งจากโรงงานในเยอรมนีมาถึงไทยภายในเดือน ก.ค. นี้ จำนวน 5 ล้านโด๊ส จากทั้งหมด 20 ล้านโด๊ส ส่วนที่เหลือจะทยอยจัดส่งมา โดยจะเข้ามาสมทบช่วยแผนการกระจายของรัฐบาล แบบคู่ขนานผ่านภาคเอกชน ตั้งเป้าว่าจะกระจายวัคซีนให้ได้ในอัตรา 500,000 โด๊สต่อวัน และจะทำให้อัตราการฉีดต่อวันของทั้งประเทศเพิ่มเป็นวันละ 1 ล้านโด๊ส เพื่อให้ทันกับสถานการณ์วิกฤตินี้

นพ.บุญ ระบุว่า บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ยินดีขายให้ภาคเอกชนที่ต้องการฉีด เบื้องต้นราคาต้นทุนอยู่ที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส หรือราว 555 บาทต่อโด๊ส ยังไม่รวมค่าขนส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคิดราคารวมโดยประมาณ 900 บาทต่อโด๊ส

สำหรับ การนำเข้าลอตนี้ เพื่อช่วยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในจังหวัดและเมืองหลักๆ ด้านเศรษฐกิจ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ และพัทยาให้ครอบคลุมร้อยละ 80 ของประชากรโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ กรณีการนำเข้าวัคซีนโนวาแวกซ์ ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นวัคซีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง นพ.บุญ กล่าวว่า การเจรจาซื้อดังกล่าวตั้งเป้าไว้ว่าให้เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (booster dose) ที่จะเป็นเข็มที่ 3 และ 4 ในอนาคต คาดว่า จองไว้ราว 10 ล้านโ๊ดส ซึ่ง รพ.ธนบุรี จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและนำเข้าวัคซีนทั้งหมดเอง

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติม เพราะวัคซีนดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา

ส่วนวัคซีนของโมเดอร์นา จะเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้ตกลงเป็นวัคซีนทางเลือกกับภาครัฐที่สั่งจองมา 5 ล้านโด๊ส คาดว่า จะนำเข้ามาได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้.