เริ่มกันด้วยการเปิดเกมโยนโจทย์ “ยุบสภา” หลังการประชุมเอเปคในเดือน พ.ย.แล้วเสร็จ และจะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน

โดยงานนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนเปิดไทม์ไลน์ในการยุบสภาดังกล่าว ในระหว่างการหารือกับกลุ่มพรรคเล็ก ซึ่งก็เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นชัดๆว่า “รัฐบาลเรือเหล็ก” ยังอยู่กันยาวๆ ก้าวข้าม “ศึกซักฟอกนรกแตก” ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อกล่อมบรรดาพรรคเล็ก ให้มันใจได้ว่า “รัฐบาลเรือเหล็ก” ภายใต้การควบคุมของ “พี่น้อง 3 ป.” ยังสามารถไปต่อได้

ซึ่งการที่ “บิ๊กป้อม” งัดคาถากล่อมพรรคร่วมในครั้งนี้ ก็เพื่อเบรก “เกมโค่นผู้นำรัฐบาลกลางสภา” ภาคสอง ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายหลังมีการเปิดประชุมสภา

แม้ไทม์ไลน์ยุบสภาดังกล่าว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยังไม่มีท่าทีเด้งรับ เพราะหากพูดไปแล้วจะกลายเป็นการมัดคอตัวเองในอนาคต

แต่เมื่อจับอาการจากท่าทีของ “บิ๊กตู่” ก็เห็นได้ชัดถึงการแสดงความมั่นอกมั่นใจในเสถียรภาพอำนาจของรัฐบาล พร้อมท้าทายคนที่หวังจะล้มนายกฯ กลางสภา ว่า “ก็ให้มาล้มเถอะ ใครจะล้มก็ล้มไป ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีเพียงพอ และผมให้เกียรติเขาทุกคน และขอถามว่าจะเกิดประโยชน์กับใคร”

ขณะเดียวกันก็ยังมีการเดินเกมกระชับอำนาจ “พี่น้อง 3 ป.” กันอย่างต่อเนื่อง ผ่านการมีตติ้งดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล หลังจากที่เรียกพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นแกนนำหลัก นั่งคุยล้อมวงกินข้าวจนได้ข้อสรุปจับมือกันอยู่ต่อ แต่ก็กลายเป็นปมร้อน เนื่องจากไม่มีตัวแทนพรรคเล็กร่วมมีตติ้งด้วย จนทำเอาพรรคเล็กบางส่วนออกอาการโชว์เฮี้ยวร่วมกินข้าวกับ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย หลังงานมิตติ้งรัฐบาลจบ เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าพรรคเล็กไม่ใช่ของตายที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลอย่างว่าง่าย

จนรัฐบาลต้องแก้มเกมด้วยการนัดมิตติ้งพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดอีกครั้ง เป็นรอบที่สอง เพื่อกระชับเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด พร้อมเปิดโอกาสให้บรรดาพรรคเล็กได้นั่งใกล้ชิดกับ “พี่น้อง 3 ป.” โดยให้ทุกคนพูดคุยได้อย่างเต็มที่ เพราะงานนี้ “พี่น้อง 3 ป.” ต่างคงจะรู้ดีว่า ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรให้เป็นไปในทิศทางที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแฮปปี้ คนที่น่าจะตกที่นั่งลำบากก็คงหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” เป็นแน่แท้

แต่ฟากฝั่ง “ผู้กองธรรมนัส” ก็ยังเดิมเกมปั่นประสาทกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการปล่อยคลิปผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมนัยทางการเมืองที่ว่า มีนายกฯ ในใจแล้ว ซึ่งจะต้องเป็นคนที่เป็นความหวังของคนไทยทั้งแผ่นดิน ในเรื่องที่ทำให้คนไทยมีความสุข และเหน็บแนมว่าการจะรู้ถึงปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ทำตัวเป็นนกที่บินอยู่บนฟ้า

สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นแรงเคลื่อนที่น่าจับตามองถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ยิ่งในสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตที่เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลจะชี้เป็นชี้ตาย ถึงขนาดที่ว่าถ้าขาดไปแม้เพียงเสียงเดียว ก็อาจจะทำให้ “รัฐบาลเรือเหล็ก” ล่มกลางสภาได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็ทำเอา “บิ๊กป้อม” ต้องออกแอ๊คชั่นโชว์ภาพ “บิ๊กบราเธอร์เลี้ยงลิงตัวจริง”  โดยการรับปากดูแลพรรคเล็กเองแทน “ผู้กองธรรมนัส” โดยได้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  ร่วมประสานงานพรรคเล็กอีกต่อหนึ่ง

ทั้งนี้หากพิจารณากันตามไทม์ไลน์ที่มีการประกาศออกมานั้น การยุบสภาจะเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลครบวาระเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่กว่าที่จะเดินไปถึงตรงนั้น “รัฐบาลเรือเหล็ก” และ “พี่น้อง 3 ป.” ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของหุบเหวอำนาจ

ไล่ตั้งแต่ “ศึกซักฟอกนรกแตก” ที่ฝ่ายค้านต่างพากันตั้งท่า “ฝนเขี้ยวลับเล็บ” รอขย้ำรัฐบาลกันอย่างใจจดใจจ่อ โดยในเดือน พ.ค.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทันทีหลังเปิดสภา ซึ่งหากถึงตอนนั้นเกมแจกกล้วยในสภาคงจะมีการแข่งกันดุเดือด มากกว่าครั้งไหนๆ และหากงานนี้ฝ่ายรัฐบาลคุมเสียงในสภาไม่อยู่ แจกกล้วยไม่พอ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ตายกลางสภาเกิดขึ้น

หลังจากนั้นหากรัฐบาลยังสามารถเอาตัวรอดจาก “ศึกซักฟอก” มาได้ ก็ยังมีเรื่องให้ต้องลุ้นระทึกกันอีกครั้ง จากประเด็นร้อน วาระการดำรงตำแหน่งของ “บิ๊กตู่” ที่จะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความวาระการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีตามรัฐธรรมนูญกำหนด ในช่วงเดือน ส.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งคงเป็นช่วงที่ต้องลุ้นกันตัวโก่งเลยก็ว่าได้ และหากท้ายที่สุด “บิ๊กตู่” ยังสามารถผ่านไปได้ ก็ยังต้องมาเจอกับงานหิน อย่างการผลักดันผ่าน ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566

ขณะเดียวกันในช่วงต่อจากนี้ กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะกลายเป็นสังเวียนของการวัดกระแสคะแนนนิยมของแต่ละพรรค-แต่ละขั้ว หากถึงตอนนั้นกระแสการเมืองที่สะท้อนจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถาโถมกดทับมาที่รัฐบาล ก็จะทำให้วิกฤติศรัทธาที่รัฐบาลเผชิญอยู่หนักหนาสาหัสมากยิ่งขึ้น จนอาจเข้าขึ้นแรงศรัทธาติดลบเลยก็ว่าได้

นอกจากนั้นยังมีเกมร้อนในการแก้ไขกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ ที่อาจจะเป็นปัจจัยส่งผลให้อุณหภูมิทางการเมืองสูงขึ้น เนื่องจากมีกระแสข่าวคว่ำกฎหมายลูกในวาระ 3 ดังออกมาเป็นระยะ โดยถูกมองว่าเป็นเกมที่จะใช้สกัดแลนด์ไสลด์ของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้แม้โอกาสที่จะคว่ำกฎหมายลูกมีช่องทางที่จะเกิดขึ้นได้ แต่โอกาสที่จะเป็นไปได้ถือว่าน้อยมาก

อีกทั้ง “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็ประกาศชัดเจนว่าจะคุมกติกาโดยไม่เอื้อใคร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนด และยืนยันว่าไม่มีเหตุใดจะล้มหรือคว่ำกฎหมายลูก ในวาระ 3 หากการพิจารณาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ดังนั้นคงจะต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนี้จะร้อนแรงจนทำให้ความฝันที่จะอยู่ยาวไปยุบสภาหลังการประชุมเอเปคตามที่รัฐบาลตั้งความหวังไว้นั้นเป็นไปได้หรือไม่

ท้ายที่สุดนอกจากปัจจัยทางการเมืองที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือความทุกข์ร้อนของประชาชน เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคนไทยในเวลานี้ ทั้งจากวิกฤติโควิด-19 ที่ยังเป็นเรื่องที่ไว้วางใจไม่ได้ รวมถึงผลกระทบจากวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ทำเอาคนไทยออกอาการ “อ่วมอรทัย” กันถ้วนหน้า ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่พาเหรดขึ้นราคากันยกใหญ่ รวมทั้งปรากฏการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงลิ่วอย่างต่อเนื่อง จนอาจกลายมาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ “รัฐบาลเรือเหล็ก” ต้องล่มก่อนถึงฝั่งฝัน.