เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.และหัวหน้าพรรครักษ์ประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

การเมืองเรื่องกิเลสตัณหา ทุกพรรคล้วนมีปัญหาเหมือนกันหมด

– พรรคพลังประชารัฐ

แตกตัวออกไปจัดตั้งพรรคสาขารองรับอนาคต “บิ๊กตู่”

แล้วยังมี “กบฏ” ทั้งที่ออกไปแสดงตัวชัดเจน และพวกแฝงตัวอยู่ รอวันเรียกราคา

ทั้งพรรคเล็กพรรคน้อย เหมือนจับปูใส่กระด้ง เลี้ยงโชว์แค่อาหารไม่พอหรอกครับ

ต้องหิ้วกระเป๋าเข้าสภา (อีกครั้ง) แต่เที่ยวนี้ใครใบใหญ่กว่ากัน?

– พรรคประชาธิปัตย์

เลือดไหลโกรกไม่หยุด เพราะความใจแคบ (ผมไม่ได้พูดเองนะครับ ท่านไตรรงค์ที่ผมเคารพพูดเอาไว้ซึ่งผมเห็นด้วย 100%) นับเป็นยุคแตกแยกตกต่ำมากสุดตั้งแต่ตั้งพรรคมา

แม้คนออกจะพูดสวยๆ ว่า อยู่มานานเป็น “บ้านเก่า” แต่ในใจคือ “อยู่ไม่ได้แล้วบ้านนี้”

– พรรคเพื่อไทย

“ครอบครัวเดียวกัน” แต่พี่น้องคนละท้องทะเลาะกันวุ่นวาย เพราะคำว่า “แลนด์สไลด์” แทงใจ

คนออกมี ทั้งกั๊ก ทั้งแทง อย่าง เก่ง การุณ ได้กรุณาเรียกพวก “นักรบห้องแอร์” ให้แสลงหัวใจ

ภายในพรรคยังมีก๊วนใครก๊วนมัน แม้ว่าจะเอา “หนูอุ๊งอิ๊ง” มาเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วมีบัญชามาจากแดนไกล แต่นึกถึงแผนเลือกตั้งครั้งก่อน “ไทยรักษาชาติ” ยังเสียวๆ อยู่ เพราะพังแบบไม่รู้คิดได้ไง?

– พรรคก้าวไกล

ก้าวไม่พ้นเรื่องสถาบัน เหมือนของแสลง โดนไปหลายดอก เริ่มอยู่เป็น แต่อุดมการณ์ไม่เหมือนเดิม เข้าทำนอง “เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน คนเปลี่ยน”

ส่วนสารพัดพรรคใหม่เหมือนนัดกันมา มีมากจนจำชื่อผิดๆ ถูกๆ แม้แต่หัวหน้าพรรคเองยังเรียกชื่อพรรคตัวเองผิดก็มี เพราะอยู่หลายพรรคจนงงเอง

รายการเมนูพรรคมี

ไทยสร้างไทย (อยู่ที่เดิม พังไปแล้ว เลยต้องมาสร้างใหม่)

รวมไทยสร้างชาติ (คงไปร่วมสร้างกับคนพรรค์นี้ไม่ขึ้น)

สร้างอนาคตไทย (ลืมอดีตให้ได้ก่อน แล้วค่อยคิดถึงอนาคต)

เศรษฐกิจไทย (จัดหนักลุงตู่ คนเดียว)

ยังไม่รวมคนเคยอยู่ในบ้านแล้วอยากใหญ่ อย่าง “เสี่ยเฮ้ง” กับ “สนธยา” ที่มองตากันไม่สนิท ก็คนคุมหมาในบ้านไม่ดี หันกัดเจ้าของ จะไปโทษใครได้?

เหลือพรรคเดียวที่ยังเนื้อหอม เพราะลีลาปลาไหลติดปีก (ยุคใหม่) “พรรคภูมิใจไทย” ข้างไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอกระซิบดังๆ ว่า “เป็นรัฐบาลอย่างเดียวเท่านั้น”

ส่วนบรรดา “งูเห่า” หน้าสลอน ผมเคยบอกไว้ก่อนเลือกตั้งนานนมเนแล้วว่าจะเต็มสภา

ตอนนี้หนักหนากว่าที่ผมคิดเสียอีก ขนาดมีทั้งออกตัวชัด ย้ายรัง ฝากเลี้ยง สองหัว แม้กระทั่ง เลี้ยงไม่อิ่มว่ากันเป็นครั้งๆ ไป

พี่น้องเอ๋ย ดูเอาเองแล้วกันว่าการเมืองมันเป็นเรื่องกิเลสตัณหาแท้ๆ

ครั้งหน้า อย่าให้ผมเดาเลยว่าใครเป็นนายกฯ? กลัวจะถูกอีก

นี่ว่าจะไม่พูดเรื่องการเมืองแล้วนะครับ สงสัยก็ตัณหากลับเหมือนกัน เอาให้ชาวบ้านไว้อ่านให้หายคิดถึง นานๆ ออกมาที ผมใกล้เข้าโลงแล้วครับ

พูดถึงเรื่องโลง ว่าจะซื้อโลงเย็นให้ ร.พ.ศิริราช เป็นรถเย็นไว้ขนย้ายศพ เพราะที่ ร.พ.ศิริราชมี “ภาควิชากายวิภาคศาสตร์” ที่โด่งดังขนาดฝรั่งมังค่าต้องมาดูการผ่าอาจารย์ใหญ่ เพราะฝรั่งไม่นิยมบริจาคศพ จึงต้องมีรถเย็นไว้ขนศพบริจาค ที่โรงพยาบาลไม่มีสักคัน

ผมไม่ได้ประชาสัมพันธ์ หรือขอเรี่ยไรแต่อย่างใด ผมควักเงินก้นถุงเอาไว้บริจาคเอง

เผื่อจะได้มารับร่างผมที่มอบให้ ร.พ.ศิริราช

คนเราไม่ว่าใหญ่แค่ไหน ไปทันกันที่หลุมศพครับ